แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุกคนละ 15 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 2 ยังไม่ผิด จึงให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1คงพิพากษายืน ดังนี้
แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 อย่างเดียว ส่วนจำเลยที่ 1ไม่ติดใจฎีกาแล้วก็ตามเมื่อศาลฎีกาพิจารณาเห็นว่า เป็นเรื่องป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุอันเป็นเหตุลักษณะคดีแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาลดโทษจำเลยที่ 1 ฐานป้องกันเกินสมควรแก่เหตุด้วยได้
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันฆ่านายเพ็ชรตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 63
จำเลยที่ 1 ภาคเสธว่า กระทำไปโดยบรรดาลโทสะ
จำเลยที่ 2 ปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ผิดตามฟ้องให้จำคุกคนละ 15 ปีจำเลยที่ 1 รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 7 ปี 6 เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า คดีไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 สมคบด้วยจึงให้ปล่อยจำเลยที่ 2 ส่วนเฉพาะจำเลยที่ 1 คงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำร้ายผู้ตายตายจริง แต่เป็นการกระทำในฐานะป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ส่วนจำเลยที่ 2 ได้เข้าช่ายจำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้ตายด้วย จึงต้องมีผิดด้วย
จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้ง 2 ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249-53 ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คนละ 3 ปี ตามลักษณะคดี