คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากจำเลยรวม6รายการในราคา965,000บาทซึ่งจำเลยจะต้องส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ภายในวันที่5พฤศจิกายน2532แต่จำเลยมีหนังสือแจ้งขอเลื่อนเวลาส่งมอบออกไปเป็นวันที่30พฤศจิกายน2532โดยยอมรับผิดตามสัญญาข้อ10โจทก์ยินยอมและได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบโดยสงวนสิทธิเรียกร้องค่าปรับด้วยครั้นครบกำหนดจำเลยขอเลื่อนการส่งมอบออกไปอีกไม่เกินสิ้นเดือนธันวาคม2532โจทก์ยินยอมและได้แจ้งจำเลยว่าหากผิดนัดอีกโจทก์จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและยังคงสงวนสิทธิเรียกร้องค่าปรับและค่าเสียหายจำเลยมีหนังสือขอส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ในวันที่29ธันวาคม2532แต่ในวันดังกล่าวคณะกรรมการตรวจรับตรวจดูแล้วปรากฏว่าจำเลยส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันไม่ถูกต้องตามคุณลักษณะเฉพาะที่กำหนดไว้ในสัญญาโจทก์จึงมีหนังสือส่งคืนอุปกรณ์การเจาะน้ำมันแก่จำเลยจำเลยมีหนังสือขอส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันที่ถูกต้องให้โจทก์ภายในวันที่31มกราคม2533โจทก์ไม่ยินยอมและเห็นว่าจำเลยไม่อาจส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้ถูกต้องตามสัญญาได้จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยเมื่อวันที่18มกราคม2533ดังนี้เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ภายในวันที่5พฤศจิกายน2532และโจทก์ไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาแต่ยังให้โอกาสจำเลยเลื่อนเวลาส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันออกไปถึง2ครั้งโดยโจทก์คาดหวังว่าจำเลยจะส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้ได้ทั้งจำเลยก็ยังมีเจตนาส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ตามสัญญาที่โจทก์ไม่บอกเลิกสัญญาทันทีและยังคงสงวนสิทธิเรียกร้องค่าปรับไว้โจทก์จึงมีสิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันได้ในอัตราร้อยละ0.2ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายอุปกรณ์การเจาะน้ำมันข้อ10วรรคแรกและในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวนั้นแม้จำเลยจะส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์แต่ก็ไม่ถูกต้องตามสัญญาโจทก์ได้ส่งอุปกรณ์การเจาะน้ำมันคืนโดยถือว่าจำเลยไม่ได้ส่งมอบแก่โจทก์เลยโจทก์ย่อมบอกเลิกสัญญาได้ตามที่ระบุในสัญญาข้อ10วรรคสามได้ ส่วนกรณีผิดสัญญาตามสัญญาซื้อขายอุปกรณ์การเจาะน้ำมันข้อ9นั้นหมายความว่าเป็นกรณีที่จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันและโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีโดยไม่ให้โอกาสจำเลยในการที่จะส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์อีกซึ่งอาจเป็นเพราะโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่สามารถส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ก็ได้ดังนี้การเลิกสัญญาในข้อ9และข้อ10ดังกล่าวจึงมีผลต่างกันกล่าวคือการเลิกสัญญาตามข้อ9จำเลยไม่ต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันและโจทก์ใช้สิทธิตามสัญญาข้อ9วรรคสองคือริบหลักประกันและหากโจทก์ซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากบุคคลอื่นในราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิมจำเลยต้องใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นส่วนสัญญาข้อ10วรรคแรกนั้นโจทก์ให้โอกาสจำเลยที่จะส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันได้โดยที่ยังไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและในระหว่างเวลาดังกล่าวจำเลยต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ0.2ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ส่งมอบหากจำเลยส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันได้โจทก์ก็ไม่อาจใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและไม่มีกรณีจำเลยต้องรับผิดในราคาที่โจทก์จะต้องซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากบุคคลอื่นเพิ่มขึ้นถ้าโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้และโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญานอกจากจำเลยจะต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญาแล้วจำเลยยังต้องรับผิดชดใช้ราคาที่โจทก์จะต้องซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากบุคคลอื่นแพ่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2532 โจทก์ได้ทำสัญญาซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากจำเลยจำนวน 6 รายการ ราคา965,000 บาท กำหนดส่งมอบ ภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2532 แต่จำเลยไม่ส่งมอบภายในกำหนดดังกล่าวโดยขอเลื่อนการส่งมอบอุปกรณ์ถึง2 ครั้ง จนวันที่ 29 ธันวาคม 2532 จึงได้นำไปส่งให้แต่ไม่ถูกต้องตามคุณลักษณะเฉพาะที่กำหนดไว้ในสัญญา โจทก์จึงไม่รับมอบอุปกรณ์กับแจ้งให้จำเลยรับคืนไป จำเลยขอนำมาเปลี่ยนให้ใหม่กับขอเลื่อนการส่งมอบออกไปอีก โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยโจทก์เสียหายขอเรียกค่าเสียหายเท่าค่าปรับเป็นรายวันตามสัญญานับแต่วันผิดนัดจนถึงวันเลิกสัญญารวม 66 วัน เป็นเงิน 127,380บาท ริบเงินค้ำประกันจำนวน 96,500 บาท ซึ่งธนาคารทหารไทยจำกัดผู้ค้ำประกันได้ชำระให้โจทก์แล้วและโจทก์ต้องซื้ออุปกรณ์ชนิดเดียวกันจากบริษัทออยล์ทูลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในราคา1,794,160 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงขึ้น จำเลยจึงต้องรับผิดจำนวนที่เพิ่มขึ้น 829,160 บาท ด้วย รวมเป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์ 956,540 บาท โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระจึงขอคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2533เป็นต้นไป คิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 66,630.21 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินรวมทั้งสิ้น 1,023,170.21 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 956,540 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ตามสัญญาซื้อขายตามฟ้อง เมื่อโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาแล้ว โจทก์มีสิทธิยึดหลักประกันและเรียกค่าเสียหายเท่านั้น หามีสิทธิเรียกเบี้ยปรับรายวันด้วยไม่ หากศาลฟังว่าโจทก์มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับก็เป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินไป จำเลยถือว่าสัญญาเลิกกันวันที่ 29 ธันวาคม 2532 โจทก์ซื้ออุปกรณ์จากผู้อื่นเกินกว่า 1 เดือน นับแต่เลิกสัญญา จึงไม่มีสิทธิเรียกราคาที่เพิ่มขึ้น หากศาลฟังว่าโจทก์มีสิทธิเรียกได้ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด เนื่องจากอุปกรณ์ที่โจทก์ซื้อจากบริษัทออยล์ทูลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ต่างชนิดกับที่ซื้อจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายต่อโจทก์ทำให้โจทก์ต้องซื้ออุปกรณ์ชนิดเดียวกันในราคาสูงขึ้นเป็นเงิน 829,160 บาทโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายดังกล่าวได้ แต่ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวัน พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 829,160 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน2533 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระค่าปรับเป็นรายวันตามสัญญาซื้อขายอุปกรณ์การเจาะน้ำมันเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 10 หรือไม่ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนว่าโจทก์ทำสัญญาซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากจำเลยรวม 6 รายการในราคา 965,000 บาท ตามสัญญาซื้อขายอุปกรณ์การเจาะน้ำมันเอกสารหมาย จ.1 จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวให้โจทก์โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา แต่ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจึงฟังข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนต่อไปว่า จำเลยจะต้องส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2532 แต่จำเลยมีหนังสือแจ้งขอเลื่อนเวลาส่งมอบออกไปเป็นวันที่ 30 พฤศจิกายน2532 โดยยอมรับผิดตามสัญญาข้อ 10 โจทก์ยินยอมและได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบ โดยสงวนสิทธิเรียกร้องค่าปรับด้วย ครั้นครบกำหนดจำเลยขอเลื่อนการส่งมอบออกไปอีกไม่เกินสิ้นเดือนธันวาคม 2532โจทก์ยินยอมได้แจ้งจำเลยว่าหากผิดนัดอีก โจทก์จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและยังคงสงวนสิทธิเรียกร้องค่าปรับและค่าเสียหายตามหนังสือจำเลยมีหนังสือขอส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ในวันที่29 ธันวาคม 2532 ในวันดังกล่าวคณะกรรมการตรวจดูแล้วปรากฏว่าจำเลยส่งมอบอุปกรณ์เจาะน้ำมันไม่ถูกต้องตามคุณลักษณะเฉพาะที่กำหนดไว้ในสัญญาโจทก์จึงมีหนังสือส่งคืนอุปกรณ์การเจาะน้ำมันแก่จำเลย จำเลยมีหนังสือขอส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันที่ถูกต้องให้โจทก์ภายในวันที่ 31 มกราคม 2533 โจทก์ไม่ยินยอมและเห็นว่าจำเลยไม่อาจส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้ถูกต้องตามสัญญาได้จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2533เห็นว่าเมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2532 โจทก์ไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาแต่ยังให้โอกาสจำเลยเลื่อนเวลาส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันออกไปถึง 2 ครั้ง โดยโจทก์คาดหวังว่าจำเลยจะส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้ได้ ทั้งจำเลยก็ยังมีเจตนาส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ตามสัญญา ที่โจทก์ไม่บอกเลิกสัญญาทันทีและยังคงสงวนสิทธิเรียกร้องค่าปรับไว้โจทก์จึงมีสิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันได้ในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบตามสัญญาซื้อขายอุปกรณ์การเจาะน้ำมันเอกสารหมาย จ.1ข้อ 10 วรรคแรก และในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวนั้น แม้จำเลยจะส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์แต่ก็ไม่ถูกต้องตามสัญญาโจทก์ได้ส่งอุปกรณ์การเจาะน้ำมันคืนโดยถือว่าจำเลยไม่ได้ส่งมอบแก่โจทก์เลย โจทก์ย่อมบอกเลิกสัญญาได้ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1ข้อ 10 วรรคสาม ส่วนกรณีผิดสัญญาตามสัญญาซื้อขายอุปกรณ์การเจาะน้ำมันข้อ 9 นั้น หมายความว่า เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมัน โจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีโดยไม่ให้โอกาสจำเลยในการที่จะส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์อีก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่สามารถส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันให้โจทก์ก็ได้ การเลิกสัญญาใน 2 ข้อดังกล่าวมีผลต่างกัน กล่าวคือ การเลิกสัญญาตามข้อ 9 จำเลยไม่ต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันและโจทก์ใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 9วรรคสอง คือริบหลักประกันและหากโจทก์ซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากบุคคลอื่นในราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิมจำเลยต้องใช้ราคาที่เพิ่มขึ้น ส่วนสัญญาข้อ 10 วรรคแรกนั้น โจทก์ให้โอกาสจำเลยที่จะส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันได้โดยที่ยังไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและในระหว่างเวลาดังกล่าวจำเลยต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ส่งมอบ หากจำเลยส่งมอบอุปกรณ์การเจาะน้ำมันได้โจทก์ก็ไม่อาจใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและไม่มีกรณีจำเลยต้องรับผิดในราคาที่โจทก์จะต้องซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากบุคคลอื่นเพิ่มขึ้น ถ้าโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้และโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา นอกจากจำเลยจะต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญาแล้วจำเลยยังต้องรับผิดชดใช้ราคาที่โจทก์จะต้องซื้ออุปกรณ์การเจาะน้ำมันจากบุคคลอื่นแพงเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยผิดสัญญาเป็นเวลา 66 วัน ต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้มอบคือ 965,000 บาทรวมเป็นค่าปรับ 127,380 บาท โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวตามเอกสารหมาย จ.22 จำเลยได้รับเมื่อวันที่ 26 มีนาคม2533 ในหนังสือทวงถามกำหนดให้จำเลยชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันรับหนังสือ จำเลยจึงต้องชำระเงินค่าปรับให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2533 เมื่อจำเลยไม่ชำระ จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จสิ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวนอีก 127,380 บาทให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2533 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จสิ้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share