คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันใช้ให้ ว. นำป้ายซึ่งมีข้อความว่า”สถานที่ราชการห้ามบุกรุกโดยเด็ดขาด”เข้าไปติดไว้ที่ศาลาร้างซึ่งอยู่ในที่ดินพิพาทก็ตามแต่จำเลยทั้งสามซึ่งรับราชการในกระทรวงศึกษาธิการหลงเข้าใจโดยสุจริตคิดว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นของโรงเรียนบ้าน เกาะบูโหลนในสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสตูลโดยจำเลยทั้งสามเชื่อว่าโจทก์ทั้งสี่ปักแนวรั้วบุกรุกที่ดินของโรงเรียนการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการรักษาผลประโยชน์ของทางราชการจึงขาดเจตนาที่จะถือการครอบครองหรือรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกจำเลยทั้งสามย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362,365(2),83

ย่อยาว

โจทก์ ทั้ง สี่ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365(2), 83
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว เห็นว่า คดี มีมูล ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ ทั้ง สี่ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ ทั้ง สี่ ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ซึ่ง พิจารณา และ ลงชื่อใน คำพิพากษา ศาลชั้นต้น อนุญาต ให้ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริง ได้ความ ว่า ที่ดิน ตาม หนังสือรับรอง การ ทำประโยชน์ (น.ส. 3) ของ โจทก์ ทั้ง สี่ กับ ที่ดิน ที่ ตั้งโรงเรียน บ้านเกาะบูโหลน ใน สังกัด สำนักงาน ประถมศึกษา จังหวัด สตูล มี อาณาเขต ติดต่อ กัน โดย ที่ดิน ที่ ตั้ง โรงเรียน อยู่ ด้านทิศเหนือ ของ ที่ดิน โจทก์ ทั้ง สี่ ครั้น ต้น ปี 2532 ฝ่าย โรงเรียนและ ฝ่าย โจทก์ ต่าง รังวัด สอบ เขต ที่ดิน ของ ตน โดย ฝ่าย โรงเรียน ถือเอาหลัก ไม้ ซึ่ง อยู่ ทาง ทิศตะวันออก และ ตะวันตก เป็น แนวเขต ส่วน ฝ่าย โจทก์ทั้ง สี่ ปัก หลัก เป็น แนว รั้ว ต่าง ฝ่าย ต่าง อ้างว่า รุกล้ำ กัน อยู่เป็น เนื้อที่ ประมาณ 3 ไร่ ปี 2533 ที่ดิน ที่ ตั้ง โรงเรียน ได้ ขึ้นทะเบียน เป็น ที่ราชพัสดุ ตาม วัน เวลา เกิดเหตุ ที่ โจทก์ ทั้ง สี่ฟ้อง นาย วิเชียร บวรวัชกุล ได้ นำ แผ่น ป้าย ซึ่ง มี ข้อความ ว่า “สถานที่ราชการ ห้าม บุกรุก โดย เด็ดขาด ” ไป ติด ไว้ ที่ ศาลา ร้างใน ปัญหา ที่ ว่า จำเลย ทั้ง สาม ได้ กระทำผิด ตาม ที่ โจทก์ ทั้ง สี่ ฟ้องหรือไม่ นั้น เห็นว่า แม้ ข้อเท็จจริง จะ ฟังได้ ว่า จำเลย ทั้ง สาม ได้ร่วมกัน ใช้ ให้ นา วิเชียร นำ ป้าย ซึ่ง มี ข้อความ ดังกล่าว เข้า ไป ติด ไว้ ที่ ศาลา ร้าง ซึ่ง อยู่ ใน ที่ดินพิพาท ก็ ตาม แต่ ตาม ข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ ต่าง ๆ ดัง ที่ ได้ความ มา ย่อม ทำให้ จำเลย ทั้ง สาม ซึ่งรับ ราชการ ใน กระทรวงศึกษาธิการ หลง เข้าใจ โดยสุจริต คิดว่า บริเวณที่เกิดเหตุ เป็น ของ โรงเรียน บ้านเกาะบูโหลน โดย จำเลย ทั้ง สาม เชื่อ ว่า โจทก์ ทั้ง สี่ ปัก แนว รั้ว บุกรุก ที่ดิน ของ โรงเรียน การกระทำของ จำเลย ทั้ง สาม เป็น การ รักษา ผลประโยชน์ ของ ราชการ จึง ขาด เจตนาที่ จะ ถือ การ ครอบครอง หรือ รบกวน การ ครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ของ ผู้อื่น โดยปกติสุข อัน จะ เป็น ความผิด ฐาน บุกรุกที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 วินิจฉัย ว่าการ กระทำ ของ จำเลย ทั้ง สาม ไม่มีเจตนา กระทำผิด และ พิพากษายก ฟ้อง มา นั้น จึง ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share