แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำฟ้องของโจทก์ฐานปลอมเอกสารโจทก์บรรยายมีใจความสำคัญแต่เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปลอมเอกสารซึ่งเป็นหนังสือมอบอำนาจรวม2ฉบับโดยกรอกข้อความลงในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวซึ่งมีลายมือชื่อของนาย ย. โดยไม่ได้รับความยินยอมเท่านั้นมิได้บรรยายว่าจำเลยกระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนไว้ด้วยฟ้องโจทก์ฐานปลอมเอกสารทั้งสองสำนวนจึงขาดองค์ประกอบอันสำคัญสำหรับความผิดฐานปลอมเอกสาร
ย่อยาว
คดี สอง สำนวน นี้ ศาลชั้นต้น พิจารณา และ พิพากษา รวมกัน โดยให้ เรียก จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ใน สำนวน แรก ว่า จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2ตามลำดับ และ เรียก จำเลย ใน สำนวน หลัง ว่า จำเลย ที่ 3 โจทก์ ทั้ง สองสำนวน ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91, 264, 265, 268, 341 และ ให้ จำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน คืน หรือใช้ เงิน จำนวน 60,000 บาท แก่ ผู้เสียหาย
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ปฏิเสธ
ระหว่าง พิจารณา ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซี.วาย.ที.เทรดดิ้ง และ นาง วนิดา ศิริพัฒนกุล ผู้เสียหาย ยื่น คำร้องขอ เข้าร่วม เป็น โจทก์ ทั้ง สอง สำนวน ศาลชั้นต้น อนุญาต โดย ให้ เรียก โจทก์ร่วมทั้ง สอง ว่า โจทก์ร่วม ที่ 1 และ ที่ 2 ตามลำดับ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ และ โจทก์ร่วม ทั้ง สอง สำนวน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษากลับ ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 341 ให้ ลงโทษฐาน ใช้ เอกสารปลอม ตาม มาตรา 268 ประกอบ มาตรา 265 ซึ่ง เป็น บทหนักตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก คน ละ 1 ปี และ มี ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268, 341 รวม 2 กระทง ให้ ลงโทษ ตามมาตรา 268 ประกอบ มาตรา 265 ซึ่ง เป็น บทหนัก ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก กระทง ละ 1 ปี รวม 2 กระทง จำคุก คน ละ 2 ปีรวมเป็น จำคุก คน ละ 3 ปี ให้ จำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน คืน หรือ ใช้ เงินจำนวน 60,000 บาท แก่ โจทก์ร่วม ที่ 2
จำเลย ทั้ง สอง สำนวน ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ตาม คำฟ้อง ของ โจทก์ ข้อ 1 ก. ฐานปลอมเอกสาร โจทก์ บรรยาย มี ใจความ สำคัญ แต่เพียง ว่า จำเลย กับพวกร่วมกัน ปลอมเอกสาร ซึ่ง เป็น หนังสือมอบอำนาจ รวม 2 ฉบับ โดย กรอกข้อความ ลง ใน หนังสือมอบอำนาจ ดังกล่าว ซึ่ง มี ลายมือชื่อ ของนาย โยธิน เจริญศุภนิมิตร โดย ไม่ได้ รับ ความ ยินยอม เท่านั้น มิได้ บรรยาย ว่า จำเลย กระทำ เพื่อ นำ เอา เอกสาร นั้น ไป ใช้ ใน กิจการที่ อาจ เกิด ความเสียหาย แก่ ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือ ประชาชน ไว้ ด้วยฟ้อง ของ โจทก์ ข้อ 1 ก. ทั้ง สอง สำนวน จึง ขาด องค์ประกอบ อัน สำคัญสำหรับ ความผิด ฐาน ปลอมเอกสาร สิทธิ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264วรรคสอง , 265 และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)ฟ้องโจทก์ ข้อ 1 ก. จึง เป็น ฟ้อง ไม่ชอบ ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับ วินิจฉัย ฟ้องโจทก์ ใน ฐาน ความผิด ดังกล่าว จึง ไม่ชอบแล้ว ศาลฎีกา วินิจฉัย ความผิด ฐาน ใช้ เอกสารสิทธิ ปลอม และ ฐาน ฉ้อโกงตาม ฟ้อง ข้อ 1 ข. ค. และ ง. ว่า พยานหลักฐาน ของ โจทก์ และ โจทก์ร่วมทั้ง สอง ดังกล่าว ไม่อาจ รับฟัง ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ได้ คดี ไม่จำต้องวินิจฉัย ฎีกา ข้อ อื่น ๆ ของ จำเลย ทั้ง สาม ต่อไป ที่ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ฎีกา ของจำเลย ทั้ง สาม ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง