คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา (อ้างฎีกาที่ 643/2486,1222/2502)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดี แล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133-134/2491)

ย่อยาว

คดีนี้ ผู้ว่าคดีฯ ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 และ 4

จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและคดีนี้ไม่มีผู้เสียหาย

นายสมพงษ์ เชาวน์ประดิษฐ์ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะส่วนที่ไม่ลงโทษจำเลย ให้ศาลชั้นต้นเรียกสำนวนจากศาลแพ่งและศาลอาญา พร้อมทั้งเอกสารมาประกอบการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกนั้นยืนตามศาลชั้นต้น

โจทก์ร่วมและจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกเช่นนั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นอยู่ด้วยจึงมิใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า โจทก์ร่วมมิได้สมัครใจให้มีการเรียกดอกเบี้ยเช่นนั้นเลย โจทก์ร่วมฝืนใจตกลงไปเพราะถูกขู่เข็ญบังคับนั้นศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ร่วมชอบที่จะไปดำเนินคดีเอาแก่จำเลยในฐานความผิดกรรโชกหรือรีดเอาทรัพย์ในคดีความผิดเช่นนั้น ซึ่งโจทก์ร่วมชอบที่จะอ้างว่าเป็นผู้เสียหายได้ จะอ้างความเสียหายในการกระทำผิดอย่างอื่นมาเป็นโจทก์ร่วมในคดีเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราหาได้ไม่

ฎีกาของจำเลยว่า นายสมพงษ์ ไม่มีฐานะเป็นคู่ความ จึงไม่อาจอ้างพยานหลักฐานใด ๆ เข้ามาในคดีได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้นายสมพงษ์เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีฯ แล้ว นายสมพงษ์ย่อมเป็นคู่ความมีสิทธิที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีนั้นได้ แม้ในที่สุดศาลจะพิพากษาว่านายสมพงษ์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิที่จะเป็นโจทก์ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้นายสมพงษ์ไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของนายสมพงษ์ในคดีเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนที่ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิง จะนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานสำหรับคดีของผู้ว่าคดีผู้เป็นโจทก์ไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีอาญานั้น แม้จะมีโจทก์หลายคนพยานหลักฐานของโจทก์แต่ละคนที่อ้างอิงมา ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องรับฟังแต่เฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน

พิพากษายืน

Share