คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแขวงธนบุรีสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนและนัดสืบพยานไว้ล่วงหน้าที่ 18 วัน โจทก์แต่งทนาย 2 คน เพียงแต่ทนายโจทก์คนหนึ่งไปธุระที่จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากที่ทราบวันนัดไว้แล้วกว่า 10 วัน ครั้นก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ 2 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างว่า ที่โจทก์เพิ่งยื่นบัญชีระบุพยานเพราะทนายความเจ้าของเรื่องไปต่างจังหวัด เพิ่งกลับมา ไม่ปรากฏว่า เหตุใดจึงไม่สามารถมาจัดการระบุพยานเสียให้ทันกำหนด เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราที่ทนายโจทก์ไปธุระนั้นก็ไม่ห่างไกลจากพระนครเท่าใดนัก เช่นนี้ จะอ้างว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้รับบัญชีระบุพยานนั้นไว้ หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าผ้าที่จำเลยซื้อไป
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่เคยซื้อสินค้าจากโจทก์และว่าโจทก์ฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
เมื่อศาลมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ ๒ วัน โจทก์ยื่นคำร้องว่า ที่โจทก์เพิ่งยื่นบัญชีระบุพยาน เนื่องจากทนายความเจ้าของเรื่องติดธุระไปต่างจังหวัดเพิ่งกลับ ขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นระบุพยานในวันนั้น รุ่งขึ้นโจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติม
จำเลยแถลงคัดค้านว่าทนายโจทก์มีถึง ๒ คนเหตุผลที่โจทก์อ้าง ไม่เป็นเหตุผลที่ควรอนุญาต
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ทนายโจทก์มีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการได้ถูกต้องตามกฎหมายและโจทก์ก็มีทนายความถึง ๒ คน ไม่มีเหตุที่สมควรอนุญาต เมื่อศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน การขอระบุพยานเพิ่มเติมก็ตกไป ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลย พิพากษาว่า โจทก์ไม่มีพยานนำสืบ ฟังไม่ได้ตามฟ้อง ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ควรให้โจทก์ยื่นบัญชีพยานได้ตามฎีกาที่ ๖๑๘/๒๕๐๑ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีขอระบุพยานของโจทก์แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุที่จะอ้างเพื่อสืบพยานฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา ๘๘ นั้น จะต้องเป็นเหตุที่ศาลเห็นว่า เป็นความยุติธรรมทีจำเป็นต้องให้สืบพยาน โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายเช่นว่านั้น มิฉะนั้น ระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นจะไม่มีผลบังคับได้จริงจังคดีนี้ ได้นัดวันสืบพยานไว้ล่วงหน้าถึง ๑๘ วัน เพียงแต่ทนายความของโจทก์คนหนึ่งไปธุระต่างจังหวัดหลังจากที่ทราบวันนัดไว้แล้วกว่า ๑๐ วัน แต่ก็มิได้สนใจปฏิบัติให้ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมายโดยไม่มีข้อขัดข้องแสดงให้ศาลเห็นแต่อย่างใด และก็ไม่ปรากฏว่า เหตุใดจึงไม่สามารถมาจัดการระบุพยานเสียให้ทันกำหนด เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราที่ทนายโจทก์ไปธุระนั้นก็ไม่ห่างไกลจากพระนครเท่าใดนัก ศาลฎีกายังไม่เห็นเป็นความยุติธรรมอย่างใดที่จำเป็นต้องให้สืบพยานโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย คำพิพากษาฎีกาที่ศาลอุทธรณ์อ้างมานั้น เป็นเรื่องทนายไม่ทราบชื่อพยานที่จะระบุต่อศาล เพราะทางฝ่ายตัวความเพิ่งจะมาติดต่อ จึงทำบัญชีระบุพยานยื่นต่อศาลไม่ทัน ไม่ตรงกับคดีนี้
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share