คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกจักรคืนจากจำเลยเพราะจำเลยผิดสัญญาซื้อขาย
โจทก์ขอให้ยึดจักร ไว้ก่อนมีคำพิพากษาศาลอนุญาตเจ้าพนักงานจึงไปยึดจักรรายนี้จากผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนำจักรไว้จากจำเลยเช่นนี้การที่ผู้ร้องร้องขอให้ปล่อยจักรที่ยึดกรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ หาใช่เป็นการร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ไม่เมื่อโจทก์ถือว่าทรัพย์ของจำเลยไปตกอยู่ที่ผู้ร้อง โจทก์ก็ย่อมดำเนินการบังคับคดีกับทรัพย์(จักร)นั้นได้หาจำต้องฟ้องร้องเรียกทรัพย์นั้นจากผู้ร้องแต่ประการใดไม่แม้ผู้ร้องจะเถียงว่าเป็นของผู้ร้องกฎหมายก็เปิดโอกาสให้มีการร้องขัดทรัพย์ได้อยู่แล้ว
แม้ผู้ร้องจะมีสิทธิครอบครอง จะเจตนาเป็นเจ้าของ จะรับจักรไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนอย่างใดแต่เมื่อกรรมสิทธิ์ยังอยู่กับจำเลย ส่วนผู้ร้องไม่มีกรรมสิทธิ์เช่นนี้ โจทก์ก็ยังนำยึดจักรนั้นได้

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยได้ซื้อผ่อนส่งจักรรายพิพาทไปจากโจทก์ และชำระเงินกันยังไม่หมด แล้วจำเลยให้นางสมบูรณ์นำจักรไปจำนำไว้กับผู้ร้องโดยเหตุที่จำเลยชำระเงินให้โจทก์ไม่หมดโจทก์จึงฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้ จำเลยคืนจักรแก่โจทก์ ถ้าไม่สามารถคืนได้ก็ให้ใช้ราคา ในระหว่างดำเนินคดี โจทก์ขอให้ศาลยึดจักรคันนี้ไว้ก่อนมีคำพิพากษา เจ้าพนักงานไปยึดจักรมาจากผู้ร้อง ๆ จึงขอให้ปล่อยการยึด

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

คดีนี้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยคืนจักรไม่ได้บังคับให้ผู้ร้องคืน ฉะนั้น จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่โจทก์จะฟ้องผู้ร้องด้วยหากผู้ร้องกับโจทก์จะมีการโต้เถียงกรรมสิทธิ์กันประการใด ก็เป็นเรื่องในชั้นขัดทรัพย์ซึ่งก็ได้โต้เถียงและศาลได้วินิจฉัยมาแล้ว อีกประการหนึ่ง เมื่อโจทก์ชนะคดีจำเลย โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิที่จะติดตามเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินของจำเลยได้ตามกฎหมาย เมื่อโจทก์ถือว่าทรัพย์ของจำเลยไปตกอยู่ที่ผู้ร้อง โจทก์ก็ย่อมดำเนินการบังคับคดีกับทรัพย์นั้นได้ หาจำต้องฟ้องร้องเรียกทรัพย์นั้นจากผู้ร้องแต่ประการใดไม่ แม้ผู้ร้องจะเถียงว่าเป็นของผู้ร้อง กฎหมายก็เปิดโอกาสให้มีการร้องขัดทรัพย์ดังที่ผู้ร้องก็ได้กระทำมาแล้ว

ปัญหาในชั้นขัดทรัพย์มีว่า โจทก์มีสิทธิยึดหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ผู้ร้องจะมีสิทธิครอบครอง จะเจตนาเป็นเจ้าของ จะรับจักรไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนอย่างใด แต่เมื่อกรรมสิทธิ์ยังอยู่กับจำเลย ส่วนผู้ร้องไม่มีกรรมสิทธิ์เช่นนี้ โจทก์ก็ยังนำยึดจักรนั้นได้ ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่าโจทก์จะเอาจักรคืนก็ต้องเสียค่าตอบแทนที่ผู้ร้องต้องเสียไปโดยสุจริตเต็มจำนวนนั้น ในชั้นนี้ยังไม่มีประเด็นวินิจฉัยถึง ประเด็นคงมีแต่เพียงว่า จะถอนการยึดตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่เท่านั้น ถ้าผู้ร้องมีสิทธิจะได้เงินคืนอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะไปว่ากล่าวตามรูปเรื่องต่อไป

Share