คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลด้วยกัน
จำเลยได้พิมพ์ใบปลิวมีข้อความว่า ‘โจทก์ทำการค้ากับร้านสหกรณ์สมัยนายเฉลิมเป็นผู้จัดการ รับนมและบุหรี่ไปขายแล้วไม่นำเงินมาให้ร้านสหกรณ์ 20,383 บาท และจ่ายเช็คไม่มีเงินให้ 13,878.85 บาทจำเลยเข้าไปรับงานผู้จัดการทีหลังรื้อเรื่องขึ้นมาฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกเงินให้ร้านสหกรณ์สำเร็จขณะนี้โจทก์ยังคงผ่อนชำระให้ร้านสหกรณ์ตามคำสั่งศาลอยู่’ แล้วจำเลยโฆษณาแจกจ่ายใบปลิวเหล่านั้นแม้ตามความจริงโจทก์ได้ถูกร้านสหกรณ์ซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการฟ้องเรียกเงินต่อศาลและได้ยอมความกันก็ตามการกระทำของจำเลยก็เป็นเจตนาใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

ย่อยาว

ได้ความตามที่คู่ความแถลงรับกันว่าจำเลยได้พิมพ์ใบปลิวมีข้อความว่า “นายระวี ต.ชูรินทร์ (สีนุ่น) (คือโจทก์) ทำการค้ากับร้านสหกรณ์สมัยนายเฉลิม ศรีกระจ่าง เป็นผู้จัดการ รับนมและบุหรี่ไปขายแล้วไม่นำเงินมาให้ร้านสหกรร์ 20,383 บาท และจ่ายเช็คไม่มีเงินให้ 13,878.60 บาท ผม (คือจำเลย) เข้าไปรับงานผู้จัดการทีหลัง รื้อเรื่องขึ้นมาฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกเงินให้ร้านสหกรณ์สำเร็จขณะนี้ นายระวี (คือโจทก์) ยังคงผ่อนชำระให้ร้านสหกรณ์ตามคำสั่งศาลอยู่” แล้วจำเลยโฆษณาแจกจ่ายใบปลิวเหล่านั้นโจทก์จำเลยเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลด้วยกันโจทก์รับว่าโจทก์ถูกร้านสหกรณ์ซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการฟ้องเรียกเงินต่อศาล แต่ได้ยอมความกันไปแล้ว

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ปรับจำเลย 200 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตาม มาตรา 29, 30

ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ข้อความในใบปลิวแล้วเห็นว่า ทำให้ผู้ที่ถูกใส่ความเช่นนี้เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังได้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ที่จำเลยกล่าวในฎีกาว่าโจทก์จะต้องสืบให้ได้ความตามองค์ประกอบความผิดที่ระบุไว้ใน มาตรา 326 นั้นศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความทั้งหมดนี้ จำเลยเองก็รับแล้วว่า ได้พิมพ์เป็นใบปลิวโฆษณาแจกจ่าย และทั้งโจทก์จำเลยก็เคยสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาเทศบาลด้วยกัน ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยได้ดีกว่าต้องการใส่ความโจทก์ หาใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตไม่ จึงเป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์

Share