คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปี ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยในคดีนั้นต่อสู้คดี โจทก์นำนางหลินเข้าเบิกความเป็นพยานนางหลินเบิกความว่าพ่อตาโจทก์ตามเมื่อ 4 ปีมานี้ ซึ่งความจริงพ่อตาโจทก์ตายมากว่า10 ปีแล้วข้อความที่พยานเบิกความเช่นว่านั้นแม้เป็นเท็จก็ไม่ถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดี เพราะในคดีก่อน ศาลฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มิได้ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาจริงตามฟ้อง นางหลินยังไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

ย่อยาว

ได้ความว่า ในคดีแพ่งแดงที่ 186/2500 ของศาลจังหวัดนครปฐมโจทก์ฟ้องนายตึ้ง นายแก้ว เป็นจำเลย ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินนั้น โดยอ้างว่าโจทก์ได้ซื้อที่พิพาทจากนางแหนและครอบครองปรปักษ์มา ในคดีนั้นศาลจังหวัดนครปฐมฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ได้ซื้อที่พิพาทจากนางแหนข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่าก่อนที่โจทก์เข้ามาอยู่ในที่พิพาท นายวุ่นพ่อตาโจทก์กับนายเส็งและคนอื่นอีกหลายครอบครัวอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่นี้ โจทก์ได้นางแสงลูกนายวุ่นเป็นภรรยา ก็มาอยู่ที่เรือนนายวุ่นตลอดมา ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบไม่พอฟังว่าโจทก์ได้ซื้อที่พิพาทจากนางแหนแล้วครอบครองมาจริงตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้หาว่านางหลินจำเลยในคดีนี้เบิกความเท็จต่อศาลในสารสำคัญในการเป็นพยานจำเลยในคดีแดงที่ 186/2500 ว่า “นายวุ่นพ่อตาโจทก์ตายไปเมื่อ 4 ปีนี้เอง” ความจริงนายวุ่นพ่อตาโจทก์ตายไปแล้วกว่า 10 ปี เป็นเหตุให้โจทก์แพ้ความในคดีก่อนขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 176

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า เฉพาะตอนที่จำเลยเบิกความในคดีก่อนว่า “นายวุ่นตายเมื่อประมาณ 4 ปี มานี้” นั้น ไม่เป็นความเท็จอันเป็นข้อสำคัญแห่งคดีเพราะในคดีก่อนศาลตัดสินยกฟ้องโดยเชื่อข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้ซื้อที่พิพาทและครอบครองปรปักษ์มาจริงตามฟ้อง การตายของนายวุ่นจะตายมาช้านานเท่าใดไม่เกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัย การกระทำของจำเลยจึงไม่ผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องคดีไม่มีมูลที่จะรับไว้พิจารณาจึงมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ความเท็จที่นางหลินจำเลยเบิกความว่า”นายวุ่นตายเมื่อประมาณ 4 ปีมานี้” เป็นข้อสำคัญแห่งคดีหรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีก่อนศาลจังหวัดนครปฐมไม่เชื่อพยานฝ่ายโจทก์ว่าโจทก์จะได้ซื้อที่พิพาทมาจากนางแหนแล้วครอบครองโดยสงบและเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของมาจริงดังที่โจทก์ฟ้องและฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าโจทก์มิได้เคยปกครองที่พิพาทโดยปรปักษ์มาเลยไม่ว่าในขณะใดขณะหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองฟังต้องกันมาว่าคำเบิกความของนางหลินจำเลยในคดีนั้นที่ว่า “นายวุ่นตายเมื่อประมาณ 4 ปีมานี้” ไม่ใช่เป็นข้อสำคัญแห่งคดี จึงเป็นการถูกต้องแล้วพิพากษายืน

Share