คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตาม มาตรา 300ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับลงโทษจำเลยเพียงทำร้ายร่างกายตาม มาตรา 254 เช่นนี้เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะอ้างเหตุผลไปคนละนัย แต่ในที่สุดก็เห็นต้องกันว่าจำเลยไม่ผิดฐานลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ดังข้อหาของโจทก์ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานชิงทรัพย์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ดังนี้โจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์หาได้ไม่ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 (ประชุมใหญ่ครั้งที่21/2498)

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ คือปืน 1 กระบอกขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานโจทก์เบิกความแตกต่างขัดกัน และคดีเป็นที่สงสัย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยเอาปืนของเจ้าทรัพย์ไปและได้ทำร้ายนายสิงห์มีบาดเจ็บ แต่ไม่มีเจตนาลักมาแต่แรกเพราะจำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านเข้าใจว่าเป็นปืนเถื่อน คดีไม่เป็นชิงทรัพย์จำเลยคงมีผิดเพียงทำร้ายร่างกาย จึงพิพากษากลับจำคุกจำเลย 2 เดือนตามมาตรา 254

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์

ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าคดีเรื่องนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงแม้จะอ้างเหตุผลคนละนัย แต่ในที่สุดก็เห็นพ้องต้องกันว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์หรือลักทรัพย์ดังข้อหาของโจทก์ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาฐานชิงทรัพย์นี้เสียแล้วโดยอาศัยข้อเท็จจริง และฎีกาของโจทก์เสนอข้อเท็จจริงขึ้นโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งสิ้น จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

จึงพิพากษาให้ยกฎีกาของโจทก์

Share