คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ก่อนที่จะเข้าบาร์โชว์เปลือยผู้เสียหายได้สอบถามว่าจะต้องเสียเงินเท่าใด พนักงานไม่บอกราคาแต่พูดว่า ไม่มีปัญหา ผู้เสียหายที่ 1 เข้าใจว่าน่าจะไม่เกิน 200 ถึง 300 บาท จึงเข้าไป ผู้เสียหายที่ 1 สั่งน้ำส้ม 2 แก้ว เมื่อนั่งอยู่ได้ประมาณ 4 ถึง 5 นาที ผู้เสียหายที่ 1 เรียกพนักงานคิดเงิน พนักงานเรียกเอาเงิน 8,600 บาท ผู้เสียหายทั้งสองไม่ยอมรับว่าราคาเครื่องดื่มเป็นเงิน 8,600 บาท การที่พนักงานเก็บเงินกับจำเลยทั้งสองได้ใช้แรงกายภาพและกระทำประทุษร้ายต่อผู้เสียหายทั้งสองเพื่อเอาให้ได้ซึ่งทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 1 โดยทุจริตจนผู้เสียหายที่ 1 ต้องยื่นเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ ให้พนักงานเก็บเงินและผู้เสียหายทั้งสองถูกผลักออกไปจากบาร์เป็นการชิงทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป จึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2537 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนีอีก 2 คน ร่วมกันปล้นทรัพย์เงินสดเป็นธนบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจำนวน 100 ดอลลาร์สหรัฐคิดเป็นเงินไทย 2,500 บาท ของนายเพิน ผู้เสียหายที่ 1 โดยจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายที่ 1 และนางนูน ผู้เสียหายที่ 2 โดยการผลักอกฉุดกระชากจนผู้เสียหายทั้งสองล้มเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 2 แท้งลูก ซึ่งเป็นการได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจถึงสาหัส ทั้งนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 340
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคแรก จำคุกคนละ 15 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหามีว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความจากผู้เสียหายที่ 1 ว่า ก่อนที่จะเข้าไปสถานที่เกิดเหตุได้สอบถามว่าจะต้องเสียเงินเท่าใด ชายดังกล่าวไม่บอกราคาแต่พูดว่า ไม่มีปัญหา ผู้เสียหายที่ 1 เข้าใจว่าน่าจะไม่เกินไปจาก 200 ถึง 300 บาท ผู้เสียหายที่ 1 สั่งน้ำส้ม 2 แก้ว ผู้เสียหายที่ 2 ว่า ขณะที่เข้าไปก็เห็นผู้หญิงเปลือยกายอยู่แล้ว ก็จะกลับออกมา แต่พนักงานไม่ให้ออก เมื่อนั่งอยู่ได้ประมาณ 4 ถึง 5 นาที ผู้เสียหายที่ 1 เรียกพนักงานคิดเงิน ซึ่งเรียกเอาเงิน 8,600 บาท แต่ผู้เสียหายที่ 1 ยังไม่ได้จ่ายเงินให้เพราะมีเงินไม่พอ พนักงานชายและพนักงานหญิงได้จับผู้เสียหายที่ 2 เพราะผู้เสียหายที่ 2 จะไปแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจจำเลยที่ 2 ได้ใช้มือตบหน้าผู้เสียหายที่ 2 ถึง 2 ครั้ง ส่วนจำเลยที่ 1 ใช้มือผลักหน้าท้องผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ผู้เสียหายที่ 1 ว่า เมื่อผู้เสียหายที่ 2 จะไปแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจ แต่พนักงานไม่ยอมให้ออกไป อีกทั้งช่วยกันดึงตัวผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ไว้ ผู้เสียหายที่ 1 จะชำระเงิน 800 บาท และอีก 100 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ทางพนักงานไม่ยอมรับและพนักงานอีก 2 คน จะล้วงกระเป๋าสตางค์จากด้านหลังกางเกงของผู้เสียหายที่ 1 ผู้เสียหายที่ 1 ขัดขวางต่อสู้ไม่ยอมให้ล้วง ซึ่งขณะนั้นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดึงกระชากแขนผู้เสียหายที่ 2 ในลักษณะจะทำร้าย ผู้เสียหายที่ 1 จึงดึงกระเป๋าสตางค์ออกมายื่นเงินให้พนักงาน 2 ฉบับ ฉบับละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พนักงานเก็บเงินไม่ยอมรับโดยบอกว่าถ้าเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐต้อง 320 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาพนักงานเก็บเงินได้ยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐไว้เนื่องจากผู้เสียหายที่ 1 แสดงให้ดูว่าไม่มีเงินอีกแล้ว พนักงานได้รับเงิน100 ดอลลาร์สหรัฐไว้แล้วเห็นมีรอยฉีกขาดจึงคืนให้ 1 ฉบับ แล้วผลักให้ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ออกไป ผู้เสียหายทั้งสองจึงไปแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจว่าถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าพนักงานตำรวจนำภาพถ่ายมาให้ดูพบว่ามีภาพถ่ายจำเลยทั้งสอง ศาลฎีกาเห็นว่า หากผู้เสียหายทั้งสองไม่ถูกทำร้ายร่างกายแล้ว คงไม่แจ้งความดำเนินคดีและผู้เสียหายที่ 2 ตั้งครรภ์ 5 เดือน ต้องเข้ารักษาตัวทันทีในโรงพยาบาล การที่ผู้เสียหายที่ 2 ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ตบหน้า 2 ครั้ง และจำเลยที่ 1 ใช้มือผลักหน้าท้องผู้เสียหายที่ 2 ด้วย ส่วนผู้เสียหายที่ 1 ต้องต่อสู้ขัดขวางไม่ยอมให้ล้วงกระเป๋าสตางค์ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ผู้เสียหายทั้งสองต้องการปรักปรำจำเลยทั้งสองเหตุผลของจำเลยทั้งสองตามที่ได้ฎีกาว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสองนั้น เมื่อนางนาวิน เจ้าของบาร์โชว์เปลือยต้องการคิดเงินจากผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 จำนวน 8,600 บาท ผู้เสียหายทั้งสองไม่ยอมรับว่าราคาเครื่องดื่มเป็นเงิน 8,600 บาท ซึ่งทางนางนาวินต้องดำเนินการแจ้งต่อพนักงานตำรวจจึงจะชอบ การที่พนักงานเก็บเงินกับจำเลยทั้งสองได้ใช้แรงกายภาพกระทำทุกทางเพื่อเอาให้ได้ซึ่งทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 1 โดยทุจริตและข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้เสียหายที่ 1 ต้องยื่นเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ ให้พนักงานเก็บเงินโดยจำเลยทั้งสองใช้กำลังประทุษร้ายและที่ผู้เสียหายทั้งสองถูกผลักออกไปจากบาร์สถานที่เกิดเหตุ การกระทำทั้งหมดของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นการชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป จำเลยทั้งสองจึงกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์”
พิพากษาแก้เป็นว่า วางโทษจำคุกคนละ 10 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share