แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเช่าที่จะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้นข้อสำคัญอยู่ที่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือไม่ เป็นหลัก
หากเช่าเป็นที่อยู่อาศัยแล้วจะใช้เป็นที่ประกอบการค้าด้วยหรือไม่ก็ตามก็ได้รับความคุ้มครองเช่นกันหากว่าไม่ใช่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหากแต่เช่าเพื่อการค้าดังนี้แม้จะอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
จำเลยและครอบครัวได้เข้าอยู่ในห้องเช่ามาช้านานถึง10 ปีเศษจะได้ใช้ห้องนี้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและครอบครัวตลอดมาพฤติการณ์ส่อแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยแท้แม้ต่อมาจำเลยจะได้จดทะเบียนพาณิชย์ทำการค้าในห้องพิพาทตลอดจนได้เสียภาษีป้ายและภาษีโรงค้าก็เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเมื่อพฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าการเช่าห้องรายนี้ได้เปลี่ยนสภาพหรือเจตนาเป็นเช่าเพื่อธุระกิจการค้าแล้วการเช่าห้องพิพาทของจำเลยก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องหมายเลขที่ 1091 ของโจทก์เพื่อประกอบการค้าในนามยี่ห้อว่า “เจริญผล” โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเช่าห้องรายพิพาทเพื่ออาศัยอยู่และค้าขายบ้างเล็กน้อย จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
คู่ความต่างอ้างเอกสารต่าง ๆ และตกลงกันขอให้ศาลไปเดินเผชิญสืบตรวจดูห้องพิพาท แล้ววินิจฉัยชี้ขาดโดยคู่ความไม่ติดใจสืบพยานบุคคล
ศาลชั้นต้นไปตรวจห้องพิพาทปรากฏว่าตั้งอยู่ริมถนนชุมพลเป็นห้องแถวติดต่อกันตรงข้ามกับตลาดอาหารสด ห้องพิพาทมีห้องเดียวสองชั้น ชั้นล่างมีชั้นวางของติดกับฝาทั้งสองด้าน กับชั้นวางของขายตั้งอยู่ตอนหน้าร้านตามชั้นวางเครื่องปั้นดินเผามีหม้อ อ่างเตาขนมครก กะถาง กับมีไม้กวาดดอกหญ้า กระเป๋าเชือกถักตะกร้าหวายติดตั้งไว้ขาย มีจักร 1 คันกับม้านั่ง ห้องหลังเป็นครัวชั้นบนเป็นที่นอน ห้องแถวติดต่อกับห้องพิพาทเป็นร้านค้านอกจากเครื่องดินเผายังมีของใช้ต่าง ๆ วางอยู่ด้วยเช่นเสื้อผ้า หมวกเด็กกระเป๋าเด็กนักเรียน ถ้วยแก้ว หม้อเคลือบเป็นของใช้ในครอบครัว ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยอยู่อาศัยหรือเพื่อการค้าเห็นว่าสินค้าในร้านมีแต่ของราคาถูก ๆ แสดงว่าจำเลยอยู่อาศัยจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พิพากษายกฟ้องโจทก์
แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าประเด็นข้อที่ว่าจำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่ เป็นหน้าที่จำเลยจะต้องสืบ เท่าที่จำเลยนำสืบมาก็มีแต่สภาพของห้องเท่าที่ศาลไปเห็นมา แต่กลับปรากฏว่าจำเลยจดทะเบียนพาณิชย์ทำการค้าแสดงว่าจำเลยเจตนาทำการค้า พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อสำคัญแห่งคดีนี้ ก็คือเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไม่เป็นหลัก หากว่าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยแล้วจะใช้เป็นที่ประกอบธุระกิจการค้าฯควรหรือไม่ ก็ตามย่อมได้รับความคุ้มครอง กลับกันหากว่าไม่ใช่เช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหากแต่เช่าเพื่อประกอบการค้า แม้จะอยู่อาศัยด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง คดีนี้ได้ความว่าจำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัย จึงได้รับความคุ้มครอง
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์