คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้เรียง จึงเป็นฟ้องฎีกาที่ไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(7),215,225 ซึ่งจะต้องจัดการให้ถูกต้องเสียก่อน แต่เมื่อปรากฏว่าฎีกาจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอย่างไรไว้โดยชัดเจน เพียงแต่อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษมาเท่านั้น จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรค 2,195,225 อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย คดีจึงไม่มีเหตุที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้เรียงให้ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนที่มีไว้ในความครอบครองดังกล่าว ขอให้ลงโทษตราพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองไม่รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 6 ปีให้บวกโทษที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษคดีนี้ด้วย คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ ส่วนของกลางอื่นนอกนั้นให้ริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 66 ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกอีก5 ปีแล้วเป็นจำคุกทั้งสิ้น 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏว่าฟ้องฎีกาจำเลยไม่มีลายมือชื่อผู้เรียง จึงเป็นฟ้องฎีกาที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7), 215, 225 ซึ่งจะต้องจัดการให้ถูกต้องเสียก่อน แต่เมื่อปรากฏด้วยว่าฎีกาจำเลยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฏหมายอย่างไรไว้โดยชัดเจนในฎีกา เพียงแต่อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษมาเท่านั้น จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง, 195, 225อันจะพึงรับไว้วินิจฉัย คดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้เรียงให้ถูกต้อง”
พิพากษายกฎีกาจำเลย.

Share