แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ความผิดฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21,65 วรรคสอง กำหนดให้ปรับเป็นรายวันตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ซึ่งหมายความว่าจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือจนกว่าจำเลยจะดำเนินการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และดำเนินการตามมาตรา 39 ทวิ
จำเลยได้ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารแล้ว แต่จำเลยได้ทำการก่อสร้างอาคารไปก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น และต่อมาเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีหนังสือแจ้งจำเลยว่าสถานที่ก่อสร้างอาคารอยู่ในแนวถนนโครงการผังเมืองรวมซึ่งตามข้อกำหนดของผังเมืองรวมไม่สามารถอนุญาตให้ก่อสร้างได้ ต่อมาได้มีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้าง และวันที่ 19 เมษายน 2539 ได้มีคำสั่งเป็นหนังสือให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่รับอนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน ครบกำหนดในวันที่18 มิถุนายน 2539 แต่จำเลยมิได้ปฏิบัติตาม การฝ่าฝืนปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ดี การไม่ดำเนินการขออนุญาตปลูกสร้าง อาคารหรือดำเนินการตามมาตรา 39 ทวิ ก็ดี ย่อมสิ้นสุดลง เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคาร แล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตาม การกระทำของจำเลยในส่วนนี้ย่อมเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42,66 ทวิ วรรคหนึ่งและวรรคสอง และไม่เป็นความผิดตามมาตรา 21,65 วรรคสองอีก ดังนั้น ค่าปรับรายวันตามมาตรา 21,65 วรรคสอง ของจำเลยจึงต้องนับถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2539 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2538 ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2539 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยปลูกสร้างอาคารพักอาศัยจำนวน 1 หลัง สภาพเป็นตึกชั้นเดียว ผนังก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้อง ในที่ดินแนวเขตถนนโครงการผังเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและมิได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามแบบและวิธีการที่กำหนดไว้ ทั้งมิได้รับยกเว้นตามกฎหมาย และยังฝ่าฝืนอยู่โดยไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องจนถึงวันฟ้องรวมระยะเวลา 1,460 วัน ต่อมา เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2539 เจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง โดยได้จัดส่งคำสั่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้จำเลย และได้นำคำสั่งไปปิดไว้ที่อาคารหลังดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2539 ซึ่งถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งแล้วเมื่อพ้นกำหนด 3 วัน นับแต่วันที่ปิดประกาศคำสั่ง ซึ่งครบกำหนดตามคำสั่งในวันที่ 18 มิถุนายน 2539 แล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติตาม กลับฝ่าฝืนคำสั่งไม่รื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจนถึงวันฟ้องรวม 1,260 วัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 9, 10, 11, 21, 47 ทวิ, 65, 66 ทวิ,67, 71
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 มาตรา 21, 65 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง, 66 ทวิ วรรคหนึ่ง และวรรคสองพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว เรียงกระทงลงโทษฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษตามมาตรา 21, 65 วรรคหนึ่ง ปรับ 4,000 บาท และปรับตามมาตรา 65 วรรคสอง วันละ 40 บาท เป็นเวลา 1,460 วัน เป็นเงิน 58,400 บาทและปรับวันละ 40 บาท นับแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2542 อันเป็นวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องและฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 66 ทวิวรรคหนึ่ง ปรับ 4,000 บาท และปรับตามมาตรา 66 ทวิ วรรคสอง วันละ 40 บาท เป็นเวลา1,260 วัน เป็นเงิน 50,400 บาท และปรับวันละ 40 บาท นับแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2542อันเป็นวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ความผิดฐานก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ31,200 บาท และปรับวันละ 20 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 27,200 บาท และปรับวันละ 20บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21, 42, 65 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 66 ทวิ วรรคหนึ่งและวรรคสอง ลงโทษจำเลยฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 65วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 21 ปรับ 2,000 บาท และตามมาตรา 65 วรรคสอง ประกอบมาตรา 21 ปรับวันละ 20 บาท นับแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2538 ถึงวันฟ้อง (15 พฤศจิกายน2542) เป็นเวลา 1,435 วัน เป็นเงิน 28,700 บาท กับปรับอีกวันละ 20 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษตามมาตรา 66 ทวิ วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 42 ปรับ 2,000 บาท และลงโทษตามมาตรา 66 ทวิ วรรคสอง ประกอบมาตรา 42 ปรับวันละ 20 บาท นับแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2539 ถึงวันฟ้อง (15 พฤศจิกายน2542) เป็นเวลา 1,245 วัน เป็นเงิน 24,900 บาท กับปรับอีกวันละ 20 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง รวมเป็นเงินค่าปรับ 57,600 บาท และปรับอีกวันละ 40 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ28,800 บาท และปรับอีกวันละ 20 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (16 พฤศจิกายน 2542)เป็นต้นไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 แต่ห้ามกักขังเกินกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 อนุญาตให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยอุทธรณ์ว่าค่าปรับเป็นรายวันจนถึงวันฟ้องจำนวน28,800 บาท และปรับอีกวันละ 20 บาท นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องนั้น เป็นค่าปรับที่สูงเกินไป จำเลยมีฐานะยากจน ขอให้ลดค่าปรับลงหรือยกโทษปรับแก่จำเลยนั้น เห็นว่า โทษปรับรายวันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ลงแก่จำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 วรรคสอง และ 66 ทวิ วรรคสอง มีอัตราโทษปรับรายวันอย่างสูงวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และวันละไม่เกินสามหมื่นบาท ตามลำดับแต่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ลงโทษปรับจำเลยแต่ละกรณีมาในอัตราวันละ 40 บาท นับว่าเป็นค่าปรับรายวันจำนวนน้อย เป็นคุณแก่จำเลยมากอยู่แล้ว ฎีกาของจำเลยยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลฎีกาจะลดค่าปรับให้น้อยลงอีกได้
แต่อย่างไรก็ตาม ในความผิดฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 21,65 วรรคสอง นั้น กำหนดให้ปรับเป็นรายวันตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ซึ่งหมายความว่า จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือจนกว่าจำเลยจะดำเนินการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และดำเนินการตามมาตรา 39 ทวิ เมื่อข้อเท็จจริงรายงานการสืบเสาะได้ความว่า จำเลยได้ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นไปก่อนแล้ว แต่จำเลยได้ทำการก่อสร้างอาคารไปก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและต่อมาเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีหนังสือแจ้งจำเลยว่า สถานที่ก่อสร้างอาคารของจำเลยอยู่ในแนวถนนโครงการผังเมืองรวม สาย ก.12 ซึ่งตามข้อกำหนดของผังเมืองรวม ไม่สามารถอนุญาตให้ก่อสร้างได้ ต่อมาได้มีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้าง และวันที่ 19 เมษายน 2539 เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งเป็นหนังสือให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่รับอนุญาตให้แล้วเสร็จ ภายใน45 วัน ครบกำหนดในวันที่ 18 มิถุนายน 2539 แต่จำเลยมิได้ปฏิบัติตาม เห็นว่า การฝ่าฝืนปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ดี การไม่ดำเนินการขออนุญาตปลูกสร้างอาคารหรือดำเนินการตามมาตรา 39 ทวิ ก็ดี ย่อมสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคาร แล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตาม การกระทำของจำเลยในส่วนนี้ย่อมเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42, 66 ทวิ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง และไม่เป็นความผิดตามมาตรา 21, 65วรรคสองอีก ดังนั้น ค่าปรับรายวัน ตามมาตรา 21, 65 วรรคสอง ของจำเลยจึงต้องนับแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2538 ถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2539 รวม 188 วัน เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 65 วรรคสอง ประกอบมาตรา 21ให้ปรับเป็นรายวันนับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2538 ไปจนกว่าจำเลยจะปฏิบัติให้ถูกต้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะโทษปรับรายวัน ตามมาตรา 65 วรรคสอง ประกอบมาตรา 21 ให้ลงโทษปรับจำเลยวันละ 40 บาท รวม 188 วัน เป็นเงิน 7,520 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับเป็นเงิน3,760 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9