แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายตั้งขึ้นโดยกฎหมายมีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนตั้งขึ้นและมีหน้าที่ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 23,24 และ 25 แห่ง พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาลทรายฯ หากโจทก์ชนะคดีย่อมไม่เป็นการยากที่จะขอคืนเงินค่าปรับที่โจทก์ชำระไว้กับกองทุนดังกล่าวได้จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้โจทก์ได้ทุเลาการที่จะต้องชำระเงินค่าปรับตามคำสั่ง ของจำเลยที่ 5 ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและ น้ำตาลทรายตาม พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาลทรายฯ มาตรา 58 ไว้ก่อนพิพากษา
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า น้ำตาลทรายที่โจทก์ผลิตได้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ คำสั่งหรือมติคณะกรรมการซึ่งมีจำเลยที่ 5 ในฐานะประธานกรรมการ หนังสือสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และคำสั่งหรือมติหรือคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์โจทก์ของคณะกรรมการไม่มีผลใช้บังคับแก่โจทก์และเป็นโมฆะ ให้ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายว่าด้วยเบี้ยปรับ สำหรับโรงงานน้ำตาลทรายที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ ระเบียบหรือพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ไม่มีผลใช้บังคับโจทก์และเป็นโมฆะและเบี้ยปรับที่กำหนดในระเบียบดังกล่าวมีอัตราสูงเกินสมควร
โจทก์ยื่นคำร้องว่า หากโจทก์ต้องชำระค่าปรับจำนวนเงิน 32,586,000 บาท ให้แก่กองทุนตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ไปแล้วกองทุนก็จะนำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นในกิจการของตนตามโครงการและนอกโครงการ และหากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีก็เป็นการยากที่โจทก์จะติดตามเอาเงินคืนมาได้ หากโจทก์แพ้คดีโจทก์ก็เป็นผู้มีหลักทรัพย์เพียงพอที่จะชำระค่าปรับให้แก่กองทุนตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ได้โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ทุเลาการที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
จำเลยทั้งห้ายื่นคำคัดค้านว่า คำสั่งที่โจทก์ชำระเบี้ยปรับชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ประวิงการชำระ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะวินิจฉัยชั้นนี้มีว่า มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้โจทก์ได้ทุเลาการชำระค่าปรับตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ไว้ก่อนพิพากษาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วตามคำร้องของโจทก์เป็นการขอทุเลาการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 มาตรา 58 วรรคสุดท้าย ซึ่งบัญญัติไว้ใจความว่า การยื่นคำร้องต่อศาลไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการบริหาร เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่นข้อที่โจทก์อ้างว่าเมื่อโจทก์ชำระค่าปรับให้แก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายแล้ว เป็นการยากต่อการที่จะเอาคืนหากโจทก์ชนะคดีนั้นศาลฎีกาเห็นว่า กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายตั้งขึ้นโดยกฎหมาย มีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนตั้งขึ้นและมีหน้าที่ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 23, 24 และ 25 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 หากโจทก์ชนะคดีจึงไม่เป็นการยากที่จะขอคืนเงินค่าปรับที่โจทก์ชำระไว้แล้วได้ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้โจทก์ได้ทุเลาการที่จะต้องชำระเงินค่าปรับตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ไว้ก่อนพิพากษา ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน