คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภรรยาเข้าเป็นโจทก์แทนสามีซึ่งถึงแก่ความตายฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาททำให้สามีโจทก์และคนอื่นถึงแก่ความตาย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คนตายเพราะรถชนกันจากความประมาทของจำเลยและสามีโจทก์ด้วยกันแล้ว สามีโจทก์จึงเป็นผู้กระทำผิดฐานขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้คนตายอันจะต้องรับโทษทางอาญาด้วยผู้หนึ่ง จึงไม่เป็นผู้เสียหาย โจทก์ฟ้องจำเลยได้ก็โดยเข้าฟ้องแทนสามีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) เมื่อสามีไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามมาตรา2(4) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

พนักงานอัยการจังหวัดลพบุรีฟ้องว่า จำเลยกับนายพีระพลหรือเฮงพุกเจริญ ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว ต่างขับรถยนต์ด้วยความประมาทจนเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกคันที่จำเลยขับชนกับรถยนต์โดยสารคันที่นายพีระพลขับ มีคนตายและบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300

อีกสำนวนหนึ่ง นางสุภา พุกเจริญ เป็นโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยานายพีระพล พุกเจริญ จำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์คันที่นายพีระพลขับ นายพีระพลและคนอื่นถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน

ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาคดีทั้งสองสำนวนไปด้วยกัน

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยและนายพีระพลต่างขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้คนตายและบาดเจ็บสาหัส ให้จำคุกจำเลย 2 ปีให้ยกฟ้องสำนวนที่นางสุภาเป็นโจทก์

นางสุภาและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่ได้ประมาท พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องคดีที่อัยการเป็นโจทก์

อัยการฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

นางสุภาฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่ามีอำนาจฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยและนายพีระพลต่างขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้คนบาดเจ็บและตาย การที่นางสุภาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ก็โดยเข้าฟ้องแทนนายพีระพลผู้ตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 5(2)เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ารถเกิดชนกันเพราะนายพีระพลประมาทด้วยแล้วก็เท่ากับนายพีระพลเป็นผู้กระทำผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตายและได้รับบาดเจ็บสาหัสอันจะต้องรับโทษทางอาญาด้วยผู้หนึ่ง ฉะนั้น นายพีระพลจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2(4) เมื่อนายพีระพลมิใช่ผู้เสียหาย นางสุภาซึ่งเป็นภริยาก็ไม่มีอำนาจฟ้องแทนนายพีระพล

จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 2 ปีนั้นหนักไป จึงให้จำคุกจำเลย 1 ปี ให้ยกฎีกานางสุภา พุกเจริญ โจทก์

Share