แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใช้มีดดาบแทงทำร้ายถูกชายโครงซ้ายมีรอยช้ำแดงโตกลมครึ่งเซนติเมตร รักษาประมาณ 5 วันหาย นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย จึงผิดเพียงมาตรา 391
ย่อยาว
คดีได้ความตามโจทก์ฟ้องประกอบคำรับสารภาพของจำเลย คดีฟังได้ว่า เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2507 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยบังอาจใช้มีดดาบเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกายนายวิรัช พุ่มฤกษ์ ได้รับอันตรายแก่กาย รักษา 5 วันหาย เหตุเกิดที่ตำบลช่องนนทรีย์ อำเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง คงมีแผลที่ชายโครงแผลเดียว เป็นแผลซ้ำแดง โตกลมครึ่งเซนติเมตร ลักษณะบาดแผลดังกล่าวเป็นบาดแผลที่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ พิพากษาว่า จำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ลดกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 ปรับ 100 บาท มีดดาบของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ว่าบาดแผลของผู้เสียหายถือได้ว่าเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้มีดดาบเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกายนั้น สามัญชนย่อมรู้จักว่ามีดดาบเป็นมีดยาวแหลมคมและใช้เป็นอาวุธของทหารในสมัยโบราณ จำเลยเองก็ได้แถลงรับว่าอาวุธมีดดาบของกลาง ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจ่ายให้จำเลยใช้เป็นอาวุธขณะปฏิบัติหน้าที่ยามรักษาโกดัง เมื่อจำเลยใช้มีดดาบซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงทำร้ายผู้เสียหายถูกที่ชายโครงด้านซ้ายซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้ง่าย หากทะลุเข้าอวัยวะสำคัญภายใน ควรฟังว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงกับเป็นอันตรายแก่กาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเพียงมีรอยซ้ำแดงโตกลมครึ่งเซนติเมตร รักษาประมาณ 5 วันหายเท่านั้น และตามรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ก็บันทึกไว้ว่า ถูกของแข็งเท่านั้น เมื่อพิจารณาลักษณะบาดแผลแล้วเห็นว่า ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งลักษณะการกระทำก็ไม่ร้ายแรงอย่างใด ฉะนั้นเมื่อพิเคราะห์ลักษณะบาดแผลของผู้เสียหายประกอบลักษณะการกระทำของจำเลยแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 พิพากษายืน