แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นตำรวจ เชื่อโดยสุจริตว่าปืนที่มีบุคคลหนึ่งเก็บได้และมอบให้นั้นไม่มีกระสุนปืนบรรจุอยู่ จึงเอาปืนเหน็บไว้ที่เอว ต่อมาเนื่องจากการนั่งลุกของจำเลยเป็นเหตุให้กระสุนปืนที่จำเลยพกลั่นไปถูกผู้เสียหายดังนี้ จะเอาผิดแก่จำเลยฐานกระทำโดยประมาทยังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นตำรวจ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2506 เวลากลางวัน จำเลยรับมอบปืนพกโอโตเมติกขนาด 6.35 ม.ม. 1 กระบอกไว้จากผู้มีชื่อเพื่อนำส่งสถานีตำรวจตามหน้าที่ จำเลยขาดความระมัดระวัง ละเลยไม่ตรวจตราและถอดกระสุนปืนออกเสียก่อนที่จะพกพาไป อันเป็นวิสัยและพฤติการณ์ที่เจ้าพนักงานตำรวจต้องกระทำเพราะอาวุธปืนเป็นอาวุธร้ายแรง จำเลยนำปืนพกติดเอวไปโดยขาดความระมัดระวัง ทำให้ปืนที่พกไปกระทบเสาที่จำเลยพิงและพื้นที่จำเลยนั่ง เป็นเหตุให้กระสุนปืนที่บรรจุอยู่นั้นระเบิดขึ้น กระสุนปืนกระเด็นไปถูกนายประสิทธิ์ พรหมประสิทธิ์ตรงบริเวณคอเหนือลูกกระเดือกแล้วซอนไปฝังอยู่ในปอดได้รับอันตรายสาหัส เหตุเกิดที่ตำบลบางสะแก อำเภอบางคณฑี จังหวัดสมุทรสงคราม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ประมาท ปืนลั่นขึ้นเอง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยไม่ประมาท พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยประมาท พิพากษากลับว่าจำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ลด 1 ใน 3 แล้วจำคุก 6 เดือน รอการลงโทษจำเลยไว้ 1 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า วันเกิดเหตุจำเลยกับพลตำรวจอุดมไปธุระที่วัดปราโมทย์ ขณะเดินไปกลางทางพบนายลีนายลีบอกว่าเก็บปืนได้ 1 กระบอก และให้ดูปืนนั้น จำเลยบอกนายลีว่าเอาไว้ไม่ได้ ต้องนำไปสถานีตำรวจ แล้วจำเลยก็เอาปืนนั้นมาเหน็บไว้ที่บั้นเอวภายในขอบกางเกงซึ่งมีเข็มขัดคาด โดยไม่ได้ตรวจดูว่ามีกระสุนปืนบรรจุไว้หรือไม่แล้วก็พากันเดินต่อไป ผ่านร้านกาแฟนายฮกไล้ นายนิตย์ร้องเรียกให้แวะ จำเลยแวะเข้าไปนั่งบนม้ายาวและพิงพนักกินกาแฟ ต่อมา 10 นาทีมีนายประสิทธิ์มา นายนิตย์สั่งสุรามาดื่ม นายฮู้มาร่วมวงด้วย ทันใดนั้นจำเลยขยับท่าจะลุกขึ้นพร้อมกับขยับเข็มขัดให้สูงขึ้น ปืนเกิดลั่นขึ้น 1 นัด กางเกงตรงที่จำเลยพกปืนอยู่ขาด พื้นม้ายาวข้างที่จำเลยนั่งมีรอยถูกกระสุนปืนที่พุ่งลงแล้วกระสุนปืนนั้นแฉลบไปถูกคอนายประสิทธิ์ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ในร้านอีกคนหนึ่ง ห่างจากจำเลยนั่งประมาณ 1 เมตร ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส
มูลเหตุสำคัญที่โจทก์หาว่าจำเลยประมาทก็คือ จำเลยรับมอบปืนแล้วมิได้ตรวจตราว่ามีกระสุนปืนบรรจุอยู่หรือไม่ ตามวิสัยของตำรวจพึงกระทำ ข้อนี้พลตำรวจอุดมพยานโจทก์ว่าพยานเองก็ไม่คิดว่าจะมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ และศาลฎีกาเชื่อข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่คิดว่าปืนนั้นจะมีกระสุนปืนนั้นบรรจุอยู่เช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่าจำเลยเอาปืนเหน็บไว้ที่เอวเดินต่อไป ซึ่งถ้าจำเลยเพียงแต่สงสัยว่ามีกระสุนปืนบรรจุอยู่แล้ว ก็คงไม่พกไปในลักษณะที่ล่อแหลมต่อชีวิตของตนเองเช่นนั้นเป็นแน่ จึงแสดงว่าจำเลยคิดแต่แรกเหมือนพลตำรวจอุดมแล้วว่าเป็นปืนไม่มีกระสุนเมื่อฟังว่าจำเลยคิดว่าไม่มีกระสุนแล้ว ก็ไม่มีเหตุอันใดที่จำเลยจะต้องตรวจตราอีกในเมื่อมีความเชื่อมั่นเช่นนั้น ถึงแม้จำเลยจะเป็นตำรวจ แต่เมื่อเชื่อมั่นเป็นเบื้องต้นเสียแล้ว ตามวิสัยและพฤติการณ์ก็ไม่จำต้องตรวจตราอันใดอีกเพราะธรรมดาปืนที่เก็บตกได้นั้นน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้การไม่ได้อยู่ในตัว ส่วนการที่ต่อมาเนื่องจากการนั่งลุกของจำเลยเป็นเหตุให้กระสุนปืนที่จำเลยพกลั่นไปถูกผู้เสียหายก็เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อจำเลยคิดว่าอาวุธปืนที่พกอยู่นั้นเป็นเพียงไม้ท่อนหนึ่ง ค่าที่ไม่มีกระสุนบรรจุไว้ จำเลยจึงไม่จำต้องระมัดระวังในการลุกนั่งอะไรให้เป็นพิเศษนักหนาอันที่จริงการที่จำเลยเข้าใจว่าเป็นปืนที่ไม่มีกระสุนบรรจุอยู่แล้วพกติดตัวเหน็บเอวเช่นนั้น อันตรายที่จะเกิดแก่ตัวจำเลยเองย่อมจะมีมากกว่าคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำไป รูปคดีจึงมีเหตุผลแน่นแฟ้นฟังได้ว่าจำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าปืนนั้นไม่มีกระสุนบรรจุอยู่ตั้งแต่แรกได้รับมา จึงจะเอาผิดแก่จำเลยฐานกระทำโดยประมาทดังฟ้องยังไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์