คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6935/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอปล่อยตัวจากการคุมขังของพนักงานสอบสวน ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์การขอฝากขังของพนักงานสอบสวนได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยต่อ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้อง การคุมขังผู้ร้องในระหว่างการพิจารณาของศาลย่อมเป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาลและเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกับการคุมขังในระหว่างการขอฝากขังของพนักงานสอบสวนเมื่อการคุมขังในขั้นตอนของการขอฝากขังได้สิ้นสุดไปแล้ว จึงเป็นกรณีที่ศาลฎีกาไม่สามารถจะสั่งตามคำร้องของผู้ร้องให้ได้ศาลฎีกาจึงสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความ (คำสั่งศาลฎีกา)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2543 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลลาดใหญ่ ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ร้องทั้งสามเนื่องจากพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ร้องทั้งสามไว้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2543ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2543 นายเอกชัย พิมพ์ใจใสซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้อำนวยการสำนักโยธาธิการที่ 4 (เพชรบุรี) มาร้องทุกข์ว่าปั๊มไฮดรอลิกของรถขุดตีนตะขาบของสำนักโยธาธิการที่ 4 (เพชรบุรี)ได้ถูกคนร้ายลักถอดเอาไป ยังไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนร้าย ต่อมาวันที่ 3 เมษายน2543 เวลา 17 นาฬิกา นายเอกชัยได้ชี้ยืนยันให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมผู้ร้องทั้งสามดำเนินคดีในความผิดดังกล่าวนำมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี พนักงานสอบสวนจึงควบคุมตัวผู้ร้องทั้งสามไว้และขอฝากขังดังกล่าว ตามคดีหมายเลขดำที่ พ.181/2543 ของศาลชั้นต้น

ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสามถูกจับโดยไม่มีหมายจับและมิได้มีการแจ้งข้อหา ทั้งไม่ใช่กรณีที่เจ้าพนักงานตำรวจจะจับได้โดยไม่มีหมายจับ ผู้ร้องทั้งสามถูกควบคุมตัวหลังจากนั้นและเจ้าพนักงานตำรวจยังทำร้ายผู้ร้องที่ 1 เพื่อให้การรับสารภาพอีกด้วย การจับและคุมขังผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจคุมขังผู้ร้องทั้งสาม ขอให้มีคำสั่งปล่อยตัวผู้ร้องทั้งสามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 240 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90

ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนฝ่ายเดียวแล้วมีคำสั่งว่า คดีไม่มีพยานหลักฐานให้ฟังได้ว่า การจับกุม การควบคุมตัวและการสอบสวนผู้ร้องทั้งสามไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด คำร้องของผู้ร้องทั้งสามฟังไม่ขึ้น ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน

ผู้ร้องทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏข้อเท็จจริงตามท้องสำนวนว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 การขอฝากขังของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลลาดใหญ่ตามคดีหมายเลขดำที่ พ.181/2543 ของศาลชั้นต้นได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสงครามได้ยื่นฟ้องผู้ร้องทั้งสามเป็นจำเลยต่อศาลชั้นต้น ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 689/2543 ของศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้อง การคุมขังผู้ร้องทั้งสามในระหว่างการพิจารณาของศาลย่อมเป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาล และการคุมขังในระหว่างการพิจารณาของศาล ย่อมเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกับการคุมขังในระหว่างการขอฝากขังของพนักงานสอบสวน เมื่อปรากฏว่าการคุมขังในขั้นตอนของการขอฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวนได้สิ้นสุดไปแล้ว จึงเป็นกรณีที่ศาลฎีกาไม่สามารถจะสั่งตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสามให้ได้ คดีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้ร้องทั้งสามต่อไป”

ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ

Share