คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2702/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองโดยระบุจำนวนเงินที่จำเลยจะต้องชำระคลาดเคลื่อนไป แต่จำเลยก็มีสิทธิที่จะโต้แย้งจำนวนเงินดังกล่าวได้ จึงไม่เป็นเหตุให้การบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบ
จำเลยจำนองทรัพย์สินเป็นประกันหนี้ของบุคคลอื่น การที่หนี้ดังกล่าวขาดอายุความ และจำเลยสละประโยชน์แห่งอายุความเป็นกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 745ซึ่งบัญญัติว่า ผู้รับจำนองจะบังคับจำนองแม้เมื่อหนี้ที่ประกันนั้นขาดอายุความแล้วก็ได้ แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีไม่ได้ โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยที่ค้างชำระก่อนฟ้องย้อนหลังไปมีกำหนด 5 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2528 จำเลยจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 114218 แก่โจทก์ เพื่อเป็นประกันหนี้ค่าสินค้าของห้างเพาเวอร์สแมชินเนอรี่ จำนวน 363,605 บาท โดยจำเลยตกลงจะชำระเงินและไถ่ถอนจำนองภายในวันที่ 26 กันยายน 2529 แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 10พฤษภาคม 2538 จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยอมรับผิดชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 800,000 บาท ภายในวันที่ 30 มิถุนายน2538 เมื่อครบกำหนดจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 836,493.15 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 800,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 114218 ตำบลดอกไม้ (บางแก้ว) อำเภอพระโขนงกรุงเทพมหานคร นำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์หากไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน

จำเลยให้การว่า จำเลยจำนองที่ดินแก่โจทก์เพื่อเป็นประกันหนี้ค่าสินค้าของห้างเพาเวอร์สแมชินเนอรี่ เมื่อหนี้ค่าสินค้าขาดอายุความแล้ว จำเลยซึ่งค้ำประกันย่อมหลุดพ้นความรับผิดด้วยอย่างไรก็ตามสัญญาจำนองไม่ได้ตกลงไว้ให้คิดดอกเบี้ย โจทก์จึงคิดดอกเบี้ยได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และคิดดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 5 ปี จำเลยไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ตามฟ้องและจำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองจากโจทก์ หนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองตามเอกสารท้ายฟ้องมิใช่หนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองในคดีนี้ เนื่องจากจำเลยไม่เคยจำนองที่ดินในวันที่ 17กันยายน 2522 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 363,605 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 กันยายน2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 114218 ตำบลดอกไม้ (บางแก้ว) อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร นำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์หากไม่พอชำระหนี้เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใด จำเลยไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน363,605 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 กันยายน 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์เฉพาะดอกเบี้ยก่อนวันฟ้องให้จำเลยชำระไม่เกิน 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า เมื่อวันที่ 26กันยายน 2528 จำเลยได้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 114218 ตำบลดอกไม้(บางแก้ว) อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ในวงเงิน363,605 บาท เพื่อเป็นประกันหนี้การซื้อสินค้าของห้างพาวเวอร์สแมชินเนอรี่ กำหนดไถ่ถอนจำนองวันที่ 26 กันยายน 2529 ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเอกสารหมาย จ.3 จำเลยและห้างพาวเวอร์สแมชินเนอรี่ไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม 2538จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ตกลงชำระค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 800,000 บาท ภายในวันที่ 30มิถุนายน 2538 ตามหนังสือรับสภาพหนี้เอกสารหมาย จ.5เมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ได้มีหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองแล้วตามหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองเอกสารหมาย จ.6และใบตอบรับในประเทศเอกสารหมาย จ.7 แต่จำเลยเพิกเฉย

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์พิมพ์วันที่ของสัญญาจำนองผิดไปและขอบังคับชำระหนี้จากวันที่พิมพ์สัญญาผิดคือบังคับตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2522 คิดถึงวันที่ 9 มกราคม2539 เป็นเงิน 924,888 บาท ตามหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองเอกสารหมาย จ.6 ความจริงจำเลยทำสัญญาจำนองเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2528 ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเอกสารหมาย จ.3 โจทก์ทวงถามเกินไปถึง 6 ปี ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่ถูกต้อง การบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำนองนั้น เห็นว่า การที่โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองโดยระบุจำนวนเงินที่จำเลยจะต้องชำระคลาดเคลื่อนไปนั้น จำเลยก็มีสิทธิที่จะโต้แย้งจำนวนเงินดังกล่าวได้ หาเป็นเหตุให้การบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองชอบแล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลอุทธรณ์คิดดอกเบี้ยให้โจทก์ก่อนวันฟ้องไม่เกิน 5 ปี ถูกต้องหรือไม่นั้น โจทก์ฎีกาว่า จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้เป็นกรณีที่จำเลยสละประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/24 จำเลยจึงไม่อาจอ้างอายุความมาเป็นข้อปฏิเสธความรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยค้างชำระได้ จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ เห็นว่า คดีนี้จำเลยจำนองทรัพย์สินเป็นประกันหนี้ของบุคคลอื่นซึ่งหนี้ดังกล่าวขาดอายุความเป็นกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 745ซึ่งบัญญัติว่า ผู้รับจำนองจะบังคับจำนองแม้เมื่อหนี้ที่ประกันนั้นขาดอายุความแล้วก็ได้ แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยที่ค้างชำระก่อนฟ้องย้อนหลังไปมีกำหนด 5 ปีนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”

พิพากษายืน

Share