คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์อย่างไรเรียกว่าครอบครองและอย่างไรเรียกว่าเจตนายึดถือทรัพย์สินเพื่อตน
เป็นเจ้าของหนองน้ำใช้สิทธิทำการจับปลาแต่ในฤดูจับปลาเพียง 3 เดือนในปีหนึ่ง ส่วนนอกฤดูจับปลาปล่อยผู้อื่นเข้าทำนาตามขอบหนองทุกๆ ปี ดังนี้ถือว่าเจ้าของหนองใช้สิทธิครอบครองขอบหนองนั้น ไม่จำต้องคัดค้านห้ามปรามผู้เข้ามาทำนา และจะถือว่าเจ้าของหนองทอดทิ้งหนองไม่ได้

ย่อยาว

คู่ความพิพาทกันเรื่องที่ดินขอบหนอง หนองนี้ทางราชการยอมให้เอกชนถือสิทธิได้ เจ้าของหนองได้ทำการจับปลาทุก ๆ ฤดูการจับปลามีกำหนด 3 เดือนในปีหนึ่งจำเลยทั้งสามเป็นผู้รับมรดกหนองนี้ทำการจับปลาต่อมาทุก ๆ ปี

โจทก์เข้าแผ้วถางที่ดินเพื่อทำนาในอาณาเขตหนองนี้มาตั้งแต่พ.ศ. 2475 และทำนาแต่ในฤดูนาเท่านั้น นอกจากฤดูนาโจทก์มิได้เกี่ยวข้อง เจ้าของหนองคงใช้ที่พิพาทให้ผู้เช่าจับปลาทุกปีมิได้เว้น

เมื่อ พ.ศ. 2496 จำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดปักหลักเขตหนองเพื่อประกาศรับมรดกโจทก์จึงฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่าหนองพิพาทเป็นของจำเลย

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาท 8-9 ปีโดยเจ้ามรดกหรือจำเลยมิได้เข้าเกี่ยวข้องในลักษณะอันจะพึงถือได้ว่ายังคงหวงแหนที่พิพาทอยู่โจทก์ ย่อมมีสิทธิครอบครองในที่พิพาท พิพากษาห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การปฏิบัติของฝ่ายจำเลยผู้เป็นเจ้าของหนองในการใช้ประโยชน์จากหนองในฤดูจับปลาดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นการใช้สิทธิครอบครองที่ขอบหนองของตนตามสภาพ ไม่จำต้องทำประโยชน์อื่นใดในที่นั้นอีก การที่โจทก์เข้าไปทำนาในที่พิพาทก็เข้าไปทำแต่เฉพาะที่เจ้าของหนองมิได้ใช้ที่พิพาททำการจับปลาไม่กระทบกระเทือนการใช้สิทธิของเจ้าของหนองประการใด เจ้าของหนองไม่จำต้องคัดค้านห้าปราม และจะว่าเจ้าของหนองทอดทิ้งไม่ได้ เมื่อพฤติการณ์ของโจทก์เป็นเช่นนี้ จึงกล่าวไม่ได้ว่าโจทก์เข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยเจตนาจะยึดถือเอาเป็นของตน โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครองจึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share