แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของโฉนดตราจองที่ 5272 ซึ่งโจทก์(กระทรวงการคลัง) รับโอนมาจาก กระทรวงกลาโหม และได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุเมื่อปี 2471 เดิม กระทรวงกลาโหมใช้เป็นสนามฝึกยิงปืน ต่อมาโจทก์ให้ กระทรวงศึกษาธิการ ใช้ที่ดินบางส่วนเป็นที่ตั้ง โรงเรียนสวนหลวง ที่ดินตามโฉนดตราจองดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (3) ต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินตามมาตรา 1306
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดตราจองที่ ๕๒๗๒ตำบลบ้านเกาะ อำเภอบางโพ จังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานราชพัสดุจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ขอให้สำนักงานที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์รังวัดสอบเขต จำเลยทั้งสองคัดค้านว่าแนวเขตที่ดินของโจทก์ทางวด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกรุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของจำเลยทั้งสองทางด้านทิศใต้เจ้าพนักงานที่ดินไกล่เกลี่ยแล้วตกลงกันไม่ได้จึงให้โจทก์จำเลยฟ้องร้องกันเอง ที่ดินที่จำเลยทั้งสิงอ้างว่าโจทก์รุกล้ำปรากฏตามแผนที่เอกสารท้ายฟ้อง ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองเจ้าเกี่ยวข้องให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท หากไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และให้จำเลยทั้งสองรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ตามการรังวัดและเปรียบเทียบของเจ้าพนักงานที่ดิน หากจำเลยทั้งสองไม่ยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า การรังวัดสอบเขตของเจ้าพนักงานที่ดินไม่ถูกต้อง เจ้าของที่ดินเดิมของจำเลยทั้งสองเคยรังวัดสอบเขตและได้ตกลงขยายเขตที่ดินให้โจทก์ไปแล้วโดยทำบันทึกกันไว้ โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๖๓/๒๔ และโฉนดตราจองที่ ๔๖๔๒ และเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสองหากศาลเห็นว่าจำเลยทั้งสองรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทของโจทก์และครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ ก็ขอให้จำเลยทั้งสองเสียค่าใช้ที่ดินตามราคาประเมินของโจทก์ตามฟ้องและจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอมที่ดินพิพาทโดยไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ดินด้วย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า เจ้าพนักงานที่ดินไม่ได้รังวัดสอบเขตผิดพลาดที่ดินของโจทก์เดิมเป็นของกระทรวงกลาโหมได้สงวนไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการแผ่นดินโดยเฉพาะต่อมามอบหมายให้อยู่ในความดูแลของสำนักงานราชพัสดุและได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วโจทก์ได้อนุญาตให้กระทรวงศึกษาธิการใช้ที่ดินบางส่วนของที่ดินแปลงนี้เป็นที่ตั้งโรงเรียนสวนหลวงต่อมาจำเลยที่ ๑ได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ ๖๓/๒๔เขตที่ดินทางทิศใต้ของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ส่วนที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนสวนหลวง โจทก์จึงคัดค้านการออกโฉนดที่ดิน ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ได้พิจารณาแล้วสรุปว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยทับที่ดินของโจทก์เป็นเนื้อที่ ๑ งาน ๗๐ ตารางวา ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวส่วนที่ทับที่ดินของโจทก์ หากไม่พอใจให้จำเลยที่ ๑ ดำเนินคดีต่อศาลภายในหกสิบวัน จำเลยที่ ๑ ก็มิได้ดำเนินการฟ้องร้อง ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินซึ่งทางราชการสงวนไว้เพื่อใช้ประโยชน์ของทางราชการแผ่นดินโดยเฉพาะตลอดมา จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยไม่อาจยกอายุความครอบครองขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท หากไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนเอง โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหรือโจทก์ออกแทนแล้วเรียกเอาจากจำเลย กับให้จำเลยทั้งสองรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ตามการรังวัดเปรียบเทียบของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ หากไม่ยินยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ดินพิพาทตามแนวเขตที่ดินเอกสารหมาย จ.๓ เส้นเขตสีแดงและสีน้ำเงินเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามแผนที่ในโฉนดตราจองที่ ๕๒๗๒ เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ให้บังคับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ เบญจ ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ที่พิพาทไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยทั้งสองครอบครองมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่าสิบปีได้กรรมสิทธิ์นั้นได้ความตามโจทก์นำสืบว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดตราจองที่ ๕๒๗๒ ซึ่งโจทก์รับโอนมาจากกระทรวงกลาโหมได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุเมื่อปี ๒๔๗๑ เดิมกระทรวงกลาโหมใช้เป็นสนามฝึกยิงปืน ต่อมาโจทก์ให้กระทรวงศึกษาธิการใช้ที่ดินบางส่วนเป็นที่ตั้งโรงเรียนสวนหลวงจึงฟังได้ว่าที่ดินตามโฉนดตราจองที่ ๕๒๗๒ ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลข ๖๘๖๖ อต.๑๙๔ เป็นทรัพย์สินอันเป้นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔(๓) ต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินตามมาตรา ๑๓๐๖
พิพากษายืน.