คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยต่อไป เท่ากับขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานจำเลยต่อไปจำเลยทั้งสามจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เมื่อจำเลยทั้งสามไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ จึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามโดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดี จึงชอบที่จะมีคำสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151มิใช่สั่งให้ค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์เป็นพับ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน12,887,403.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปี ของต้นเงิน11,660,062.28 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 6436 ตำบลหลักสอง อำเภอภาษีเจริญ(หนองแขม) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ

จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นชี้สองสถาน กำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้วให้โจทก์นำพยานเข้าสืบก่อน โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ในวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้งดสืบพยานจำเลยทั้งสาม และนัดฟังคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 10,291,992.45บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 6436 ตำบลหลักสอง อำเภอภาษีเจริญ(หนองแขม) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 และที่ 3 นำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามชอบหรือไม่ จำเลยทั้งสามฎีกาว่าจำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่งดสืบพยานจำเลยและขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยต่อไป เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จึงไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 ที่จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์นั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยต่อไป เท่ากับขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานจำเลยต่อไป จำเลยทั้งสามจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 เมื่อจำเลยทั้งสามไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ดังกล่าว จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามโดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งอุทธรณ์ จึงชอบที่จะมีคำสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์เป็นพับไปด้วยนั้นไม่ถูกต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”

พิพากษายืน ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสามค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share