คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277,80 จำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 277,81 จำคุก 1 ปี และรอการลงโทษ ดังนี้ จึงเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเรียกผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 4 ขวบ เข้าไปในห้องแล้วจำเลยปิดประตู บอกให้ผู้เสียหายไปนอน จำเลยได้ถอดกางเกงของผู้เสียหาย และถอดกางเกงของจำเลยออก บอกให้ผู้เสียหายนอนตะแคงตัวจำเลยก็นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผู้เสียหายและกอดผู้เสียหาย แล้วจำเลยเอาของลับทิ่มของลับของผู้เสียหาย 2 ครั้ง อวัยวะสืบพันธุ์ผู้เสียหายแคมใหญ่ด้านขวาบวมและมีรอยถลอกคือหนังกำพร้าขาดเล็กน้อยตรงแคมใหญ่ด้านซ้ายก็มีรอยถลอก เยื่อพรหมจารีปกติ ในช่องคลอดไม่มีเชื้ออสุจิ ตรวจพบว่ามีคราบน้ำอสุจิมนุษย์ติดอยู่ที่กางเกงของกลาง ดังนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราได้ และเห็นเจตนาว่าตั้งใจกระทำอนาจาร จึงผิดเพียงฐานกระทำอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิดเพียงฐานทำอนาจารซึ่งเป็นบทเบากว่า ศาลก็ย่อมลงโทษปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ (ตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่19/2508)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจกระทำชำเราเด็กหญิงยี่หรืออุไรวรรณ แซ่ลิ้ม อายุเพียง 4 ปี 1 ครั้งจำเลยกระทำตลอดแล้วแต่ไม่บรรลุผล เนื่องจากเด็กหญิงอุไรวรรณยังเป็นเด็กเล็กเกินไปอวัยวะสืบพันธุ์ของจำเลยไม่อาจเข้าไปในอวัยวะสืบพันธุ์ของเด็กหญิงอุไรวรรณสมดังเจตนา แต่จำเลยก็ได้สำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 80

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยโดยเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดดังโจทก์ฟ้องพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ได้วิสิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงดังที่โจทก์นำสืบ และเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งเป็นการกระทำผ่านการกระทำอนาจารไปแล้ว แต่เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะผู้เสียหายยังเด็กมาก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 81 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ประกอบด้วยมาตรา 81 ลงโทษจำคุก 1 ปี โทษจำให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุก2 ปี 8 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ประกอบด้วยมาตรา 81 ให้จำคุกจำเลย 1 ปี และให้รอการลงโทษจำเลยมีกำหนด 2 ปี จึงเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ทางพิจารณา ฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยได้เรียกผู้เสียหายให้เข้าไปในห้องนอนของจำเลยแล้วจำเลยบอกให้ผู้เสียหายไปนอนในมุ่งซึ่งเป็นที่นอนของจำเลยจำเลยได้ถอดเอากางเกงของผู้เสียหายออกและถอดเอากางเกงของจำเลยออกเช่นเดียวกัน จำเลยบอกให้ผู้เสียหายนอนตะแคง และจำเลยก็นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผู้เสียหายและกอดผู้เสียหาย แล้วจำเลยเอาของลับของจำเลยทิ่มตรงของลับผู้เสียหาย 2 ครั้ง ผู้เสียหายได้ร้องขึ้น จำเลยได้ลุกขึ้นเปิดประตูแพทย์ตรวจอวัยวะสืบพันธุ์ผู้เสียหายปรากฎว่าตรงแคมใหญ่ด้านขวาบวมและมีรอยถลอก คือ หนังกำพร้าขาดเล็กน้อย ตรงแคมใหญ่ด้านซ้ายมีรอยถลอก เยื่อพรหมจารีปกติ ในช่องคลอดไม่มีน้ำอสุจิ ผู้ชำนาญกรมตำรวจตรวจพบคราบน้ำอสุจิของมนุษย์ติดที่กางเกงของกลาง ดังนี้ ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าลักษณะการกระทำของจำเลยดังกล่าวยังไม่อยู่ในวิสัยที่จำเลยจะกระทำชำเราผู้เสียหายได้ แต่กลับแสดงให้เห็นเจตนาว่าจำเลยตั้งใจกระทำอนาจารผู้เสียหายเท่านั้น ฉะนั้น จึงเห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นผิดเพียงฐานกระทำอนาจาร แต่คดีนี้โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิดเพียงฐานทำอนาจารซึ่งเป็นบทเบากว่าศาลก็ย่อมลงโทษปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ อนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นเรื่องการกระทำที่น่าบัดสี ไร้ศีลธรรม ไม่ควรรอการลงโทษ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 ให้จำคุกมีกำหนด 1 ปี

Share