คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนจำเลยได้เคยยื่นฟ้องโจทก์ให้ใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถยนต์ชนกันศาลชั้นต้นพิพากษาไปแล้ว คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์โจทก์จึงได้ยื่นฟ้องคดีนี้เรียกค่าเสียหายรายเดียวกันอีก เมื่อคดีทั้งสองมีประเด็นอย่างเดียวกันและคู่ความรายเดียวกัน และศาลได้พิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลยโดยวินิจฉัยถึงข้อที่โจทก์ยกขึ้นเป็นข้ออ้างในคดีนั้นว่า จำเลยเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อในการกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนนั้นด้วยฟ้องของโจทก์ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2504 จำเลยได้ขับรถโดยประมาทชนรถโจทก์เสียหาย แล้วจำเลยแจ้งความหาว่าโจทก์ขับรถชนรถจำเลย โจทก์ถูกควบคุมตัว โจทก์จึงฟ้องจำเลยและพนักงานสอบสวนเป็นคดีอาญาสินไหม ศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิพากษายืน จำเลยต้องรับผิดในความประมาทของจำเลย แต่จำเลยกลับฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 797/2507 ของศาลแพ่ง โดยที่ศาลอาญาไม่รับวินิจฉัยคดีส่วนแพ่งของโจทก์ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 797/2507จำเลยนี้มีส่วนประมาทด้วย แต่หย่อนกว่าความประมาทของโจทก์ คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ เพราะคดีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรค 2 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174

ศาลฎีกาเห็นว่า เดิมโจทก์ฟ้องนายทองนอกจำเลยคดีนี้กับพวกเป็นจำเลยต่อศาลอาญา เป็นคดีอาญาสินไหม หาว่าขับรถโดยประมาททำให้โจทก์บาดเจ็บและเสียหาย กับผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ขอให้ลงโทษจำเลยและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลอาญาไต่สวนแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูลที่จะรับไว้พิจารณา จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนคดีแพ่งหากประสงค์จะดำเนินคดีก็ให้ไปว่ากล่าวกันยังศาลที่มีอำนาจชำระ คืนค่าธรรมเนียมให้โจทก์ ปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2330/2505 คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ โจทก์ฟังคำสั่งศาลฎีกาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2507 โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2507 และได้ความว่า ในกรณีที่รถของโจทก์จำเลยเกิดชนกันรายนี้ จำเลยได้ฟ้องโจทก์ให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 797/2507 ของศาลแพ่งไว้ก่อนแล้ว ซึ่งศาลแพ่งพิพากษาให้โจทก์คดีนี้รับผิดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ โจทก์ก็มาฟ้องคดีนี้

ได้ความดังนี้ คดีจึงมีปัญหาด้วยว่าโจทก์จะฟ้องคดีนี้ได้หรือไม่ และคดีนี้จำเลยได้ให้การตัดฟ้องว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 797/2507 จึงเห็นควรจะได้วินิจฉัยในปัญหาที่ว่าโจทก์จะฟ้องคดีนี้ได้หรือไม่ก่อน

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 797/2507 ที่นายทองนอกเป็นโจทก์ฟ้องนายโอกาสเป็นจำเลย กับฟ้องของนายโอกาสที่เป็นโจทก์ฟ้องนายทองนอกเป็นจำเลยคดีนี้ต่างก็ฟ้องร้องว่ากล่าวให้อีกฝ่ายหนึ่งรับผิดใช้ค่าเสียหายในเรื่องรถของโจทก์จำเลยชนกัน ในกรณีรายเดียวกันนั้นเอง ซึ่งประเด็นแห่งคดีทั้งสองคดีก็มีอยู่ว่า เหตุที่รถชนกันนั้นเป็นความผิดของฝ่ายใด คดีทั้งสองจึงมีประเด็นอย่างเดียวกันและคู่ความเดียวกัน ฉะนั้น เมื่อคดีโจทก์ฟ้องนี้มีประเด็นอย่างเดียวกับคดีที่จำเลยเคยฟ้องโจทก์ และศาลได้พิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลย โดยวินิจฉัยถึงข้อที่โจทก์ยกขึ้นเป็นข้ออ้างในคดีนั้นว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ ในการกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนนั้นด้วยแล้ว ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่อีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และคดีอย่างเรื่องนี้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยและพิพากษาเป็นแบบอย่างมาแล้วตามคำพิพากษาฎีกาที่ 262/2508 คดีระหว่างนายจุ๊ยฮ้อ แซ่ลิ้ม โจทก์ นายเซียะจั๊ว แซ่จึง จำเลย และเมื่อวินิจฉัยคดีดังนี้แล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าทนายชั้นฎีกา 300 บาท

Share