แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งได้บุกรุกเข้าปลูกอาคารในที่ดินของโจทก์ เทียบเคียงกับที่ดินบริเวณใกล้เคียงที่โจทก์ให้จำเลยเช่า พอฟังได้ว่าที่ดินพิพาทให้เช่าได้เดือนละ 16 บาทเศษ จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ขับไล่จำเลย คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน จำเลยบุกรุกเข้ามาปลูกสร้างอาคารไม้สองชั้น รวมเนื้อที่ ๖๕.๕๐ ตารางเมตร ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยเช่าที่พิพาท ไม่ได้บุกรุก
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง จำเลยปลูกอาคารผิดเงื่อนไขสัญญาที่จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้ พิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท และรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า จำเลยปลูกอาคารพิพาทในที่ดินที่เช่าจากโจทก์ ไม่เป็นการบุกรุก ไม่เป็นละเมิด
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งได้บุกรุกเข้าไปปลูกอาคารพิพาทในที่ดินของโจทก์เป็นเนื้อที่ ๖๕.๕๐ ตารางเมตร เทียบเคียงกับที่ดินบริเวณใกล้เคียงที่โจทก์ได้ให้จำเลยเช่าปลูกสร้างโรงเรียน โจทก์คิดค่าเช่าตารางเมตรละ ๓ บาทต่อปี พอฟังได้ว่า เฉพาะที่พิพาทนี้อาจให้เช่าได้ปีละ ๑๙๖ บาท ๕๐ สตางค์ เฉลี่ยแล้วตกเดือนละ ๑๖ บาทเศษ จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ขับไล่จำเลย และข้อที่จำเลยฎีกาขึ้นมานั้นเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๘ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษายกฎีกาของจำเลย