คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อายุความในการที่ผู้ทรงเช็คฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คนั้น มีกำหนดเวลาภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดมิใช่ 6 เดือน
หนังสือสัญญาขายที่ดินมีข้อความว่า จำเลยชำระเงินค่าที่ดินรายนี้เสร็จแล้วแต่โจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบว่าโจทก์ไม่ได้รับเงิน ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยชำระค่าที่ดินด้วยเช็คแต่ขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระค่าที่ดินด้วยเงินสด มิใช่ชำระด้วยเช็คโจทก์จึงนำสืบได้ตามฟ้องว่าตามสัญญาดังกล่าว เพราะจำเลยได้ออกเช็ครายพิพาทให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาจำเลยผิดนัดผิดสัญญาการชำระเงินตามเช็ค โจทก์ขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามเช็ค จึงไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2505 จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์ 2 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 20,000 บาท โอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยไปแล้ว โดยจำเลยออกเช็คธนาคารนครหลวงไทยให้โจทก์ยึดถือจำเลยให้สัญญาว่าเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงินจำเลยจะนำเงินมาแลกเช็คคืนไป เมื่อเช็คถึงกำหนดจำเลยขอผัดเรื่อยมา โดยให้คำมั่นว่ายินดีเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ตามที่เรียกร้อง ขอศาลพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยรวม 21,125 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง

จำเลยให้การว่า ได้นำเงินสด 20,000 บาทไปชำระโจทก์ จำเลยขอเช็คคืนแต่โจทก์ว่ายังหาไม่พบ จำเลยได้แจ้งอายัดการจ่ายเงินตามเช็ค อายุความการใช้เช็คหมดสิ้นลง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินสด 20,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2506

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีเชื่อไม่ได้ว่าจำเลยได้ชำระเงินสด 20,000 บาทแก่โจทก์ข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ปล่อยปละละเลยมิได้จัดการขึ้นเงินภายในอายุความของการใช้เช็คภายในระยะ 6 เดือนนั้นศาลฎีกาเห็นว่าอายุความในการที่ผู้ทรงเช็คฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมีกำหนดเวลาภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 หาใช่กำหนด 6 เดือนไม่ ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ตามหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสาร ล.1 ปรากฏข้อความว่าจำเลยชำระเงินค่าที่ดินรายนี้เสร็จแล้ว แต่โจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบว่าโจทก์ไม่ได้รับเงิน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะเป็นการนำพยานบุคคลเข้าหักล้างแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยชำระค่าที่ดินด้วยเช็ค แต่ขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระค่าที่ดินด้วยเงินสด มิใช่ชำระด้วยเช็ค โจทก์จึงนำสืบได้ตามฟ้องว่า ที่ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 นั้น เพราะจำเลยได้ออกเช็ครายพิพาทให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาจำเลยผิดนัดผิดสัญญาการชำระเงินตามเช็ค โจทก์ขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามเช็คดังนี้ จึงไม่เป็นการขัดต่อบทกฎหมายที่จำเลยกล่าวอ้าง

พิพากษายืน

Share