คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์พิพาทเป็นมรดก โจทก์เป็นบิดาเจ้ามรดกจึงได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งเป็นทายาทชั้นบุตร จำเลยเป็นผู้สืบสันดาน โจทก์จำเลยจึงมีส่วนแบ่งมรดกเท่า ๆ กัน
จำเลยได้ครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์แม้โจทก์จะฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันเจ้ามรดกตาย ก็ไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีบุตร ๑ คนชื่อนายแสง นายแสงไม่มีบุตร จำเลยเป็นบุตรติดภรรยาของนายแสง โจทก์ได้มอบนาพิพาทให้นายแสงทำกินเพื่อเลี้ยงดูโจทก์ และให้นายแสงอาศัยที่ดินปลูกบ้านและยุ้งข้าว และนายแสงมีกระบือ ๕ ตัว เจ้าหนี้เงินกู้ ๓,๐๐๐ บาท เมื่อนายแสงตาย ทรัพย์ทั้งหมดตกเป็นของโจทก์ตามเดิม จำเลยได้ขออาศัยอยู่ในเรือนนายแสงและอาศัยทำนา ยืมกระบือ โดยจำเลยรับจะเลี้ยงดูโจทก์ ต่อมาจำเลยไม่เลี้ยงดูโจทก์ จึงขอให้ศาลขับไล่จำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า ทรัพย์ตามฟ้องเป็นของนายแสง จำเลยเป็นบุตรสืบสายโลหิตของนายแสง เมื่อนายแสงและนางเต็มบิดามารดาของจำเลยตายลง จำเลยจึงได้รับมรดกแต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยเป็นบุตรสืบสายโลหิตของนายแสง ทรัพย์พิพาทเป็นของนายแสง ทรัพย์มรดกของนายแสงตกแก่จำเลยซึ่งเป็นทายาทอันดับ ๑ แต่ผู้เดียว โจทก์เป็นทายาทอันดับ ๒ ไม่มีสิทธิได้รับมรดก พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์เป็นบิดา มีสิทธิได้รับมรดกของนายแสงเท่ากับจำเลยซึ่งเป็นทายาทอันดับ ๑ แต่คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายืนในผล
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์พิพาทเป็นของนายแสง จำเลยเป็นบุตรนายแสงทรัพย์มรดกของนายแสงย่อมตกได้แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมอันดับ ๑ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๙ (๑) ส่วนโจทก์เป็นบิดาซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๓๐ วรรค ๒ บัญญัติว่า ในกรณีเฉพาะผู้สืบสันดานคนใดยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่แล้วแต่กรณี และบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ในกรณีเช่นนั้น ให้บิดามารดาได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งว่าเป็นทายาทชั้นบุตร โจทก์เป็นบิดานายแสง จึงมีส่วนแบ่งมรดกเท่า ๆ กับจำเลย
นายแสงตายเมื่อปี ๒๕๐๔ ขณะนั้นจำเลยอยู่เรือนห่างนายแสง ๑ กิโลเมตร ส่วนโจทก์อยู่เรือนใกล้ ๆ เพียงมีรั้วกั้นเท่านั้น โจทก์ในฐานะบิดานายแสงและเป็นผู้รับมรดกด้วยผู้หนึ่ง ก็ดูแลบ้านเรือนนายแสงและนาพิพาท ในปี ๒๕๐๕ จำเลยพาภริยาและบุตรมาทำศพนายแสง พอทำศพเสร็จแล้วจำเลยจึงเข้ามาอยู่ในเรือนนายแสง เข้าทำนาพิพาท การเข้าทำนาโจทก์ว่าจำเลยรับรองจะเลี้ยงโจทก์ไปตลอดชีพ จำเลยว่าไม่ได้รับรองเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์เป็นบิดานายแสงและเป็นผู้รับมรดกนายแสงด้วยผู้หนึ่ง มีส่วนได้เสีย ส่วนจำเลยนั้นเป็นหลานโจทก์ เป็นผู้รับมรดกผู้หนึ่ง ก่อนที่จำเลยเข้าไปอยู่ในเรือนนายแสงและทำนาพิพาทนั้น โจทก์เป็นผู้ดูแลทรัพย์ คือ ที่บ้าน ที่นา อยู่ก่อนแล้ว การดูแลทรัพย์ก็คือ เข้าครอบครองทรัพย์มรดกของนายแสงนั่นเอง เชื่อว่าได้มีข้อตกลงกันในเรื่องให้จำเลยเข้าทำนา แล้วจำเลยจะแบ่งข้าวให้โจทก์เลี้ยงชีพตลอดไปดังโจทก์อ้าง คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง เพราะตอนแรกโจทก์ครอบครองมรดกของนายแสงอยู่ก่อนแล้ว จำเลยเข้าครอบครองต่อมา จึงถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้แบ่งมรดกของนายแสงให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง

Share