แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านจับจำเลยที่ 1 ไปตักเตือนในข้อหาว่ายิงปืนในหมู่บ้าน ต่อมาในวันเกิดเหตุจำเลยมาถามหาผู้ตายแต่ไม่พบ จำเลยก็พากันไป ต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้นั่งดื่มสุรากันที่บ้านจำเลยที่ 1 ก่อน แล้วจำเลยที่ 1,2 กับพวกได้พากันไปโดยมีอาวุธปืนลูกซองไปทุกคน พอจำเลยที่ 1,2 กับพวก เห็นแสงไฟรถจักรยานของผู้ตายโดยผู้ตายขี่มา ได้พากันวิ่งเข้าไปแล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ถือว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับนายสวัสดิ์ ร่วมกันใช้ปืนยิงนายภิรมย์เกิดชื่น ผู้ใหญ่บ้านด้วยความทารุณโหดร้าย นายภิรมย์ถึงแก่ความตาย โดยจำเลยทั้งสองกับพวกได้ไตร่ตรองไว้ก่อน และจำเลยที่ ๑ มีเหตุโกรธเคืองที่นายภิรมย์ได้ทำร้ายจำเลยที่ ๑ มาก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๙,๘๓,๓๒,๓๓
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยร่วมกันฆ่านายภิรมย์โดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๙,๘๓ วางโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง แต่คำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม วางโทษกำหนด ๒๐ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑, ๒ กับนายสวัสดิ์ ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายภิรมย์ถึงแก่ความตายจริง แต่ได้กระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ ๒ อาทิตย์ นายภิรมย์ได้จับจำเลยที่ ๑ กับนายธาตุไปตักเตือนในข้อหาว่ายิงปืนในหมู่บ้าน ต่อมาในวันเกิดเหตุเวลาก่อนเพล จำเลยทั้งสองไปถามหานายภิรมย์ นางพรวนภริยานายภิรมย์ว่านายภิรมย์ไปประชุม จำเลยทั้งสองก็พากันไป และก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ ๑,๒ กับนายธาตุนายสวัสดิ์นั่งดื่มสุรากันที่บ้านจำเลยที่ ๑ ก่อน แล้วจำเลยที่ ๑,๒ กับพวกได้พากันไป โดยมีอาวุธปืนลูกซองยาวไปทุกคน พอจำเลยที่ ๑,๒ กับพวกรวมทั้งนายสวัสดิ์เห็นแสงไฟรถจักรยานของนายภิรมย์โดยนายภิรมย์ขี่มาได้พากันวิ่งเข้าไป แล้วใช้อาวุธปืนยิงนายสวัสดิ์เช่นนี้ น่าเชื่อว่าที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายภิรมย์ถึงแก่ความตายโดยได้ไตร่ตรองวางแผนการณ์ฆ่านายภิรมย์มาก่อน
พิพากษายืน.