แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุ 13 ปี ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด มีกำหนดขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ปี และขั้นสูงไม่เกิน2 ปี เมื่อขณะจำเลยยื่นฎีกา จำเลยมีอายุครบสิบแปดปีแล้ว ศาลจึงไม่อาจส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดตามมาตรา 74(5) แต่ศาลฎีกาให้ดำเนินการตามมาตรา 74 ประการอื่นที่เหมาะสมแก่จำเลย โดยมอบตัวจำเลยให้มารดาหรือผู้ปกครองซึ่งยังสามารถดูแลจำเลยได้ไป โดยวางข้อกำหนดให้มารดาหรือผู้ปกครองปฏิบัติตามและเพื่อให้จำเลยหลาบจำเห็นสมควรกำหนดวิธีดำเนินการและเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6(1),7 ทวิ, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 106 ทวิ, 116 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 และริบของกลางที่เหลือจากการตรวจวิเคราะห์ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีอายุ 13 ปี ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 แต่เห็นสมควรให้ส่งตัวจำเลยที่ 1ไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดราชบุรีมีกำหนดขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ปี และขั้นสูงไม่เกิน 2 ปี ริบของกลางที่เหลือจากการตรวจวิเคราะห์ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 มีอายุ 13 ปี จึงไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 74 แต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยที่ 1 ไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดราชบุรี มีกำหนดขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ปี และขั้นสูงไม่เกิน 2 ปี ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 1 มีอายุครบ 18 ปีแล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74(5) ให้อำนาจศาลที่จะส่งตัวจำเลยที่ 1 ไปยังโรงเรียน หรือสถานฝึกและอบรมหรือสถานที่ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อฝึกและอบรมเด็กตลอดระยะเวลาที่ศาลกำหนดแต่อย่าให้เกินกว่าที่เด็กนั้นจะมีอายุครบสิบแปดปี แต่ในระหว่างยื่นฎีกาจำเลยที่ 1 มีอายุครบสิบแปดปีแล้ว ศาลยังจะส่งตัวจำเลยที่ 1 ไปฝึกและอบรมได้หรือไม่ เห็นว่า เมื่อขณะจำเลยที่ 1 ยื่นฎีกา จำเลยที่ 1 มีอายุครบสิบแปดปีแล้ว ศาลจึงไม่อาจส่งตัวจำเลยที่ 1 ไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดราชบุรีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 74(5) ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น แต่สมควรที่จะดำเนินการแก่จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ประการอื่นที่เหมาะสมแก่จำเลยที่ 1 โดยเห็นว่าควรมอบตัวจำเลยที่ 1 ให้มารดาหรือผู้ปกครองซึ่งยังสามารถดูแลจำเลยที่ 1 ได้ไป โดยวางข้อกำหนดให้มารดาหรือผู้ปกครองปฏิบัติตามและเพื่อให้จำเลยที่ 1 หลาบจำเห็นสมควรกำหนดวิธีดำเนินการและเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยที่ 1 ด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้มารดาหรือผู้ปกครองจำเลยที่ 1รับตัวจำเลยที่ 1 ไปอบรมสั่งสอนและดูแลระมัดระวังมิให้จำเลยที่ 1ก่อเหตุร้ายหรือกระทำผิดอาญาใด ๆ ขึ้นอีกภายในกำหนด 2 ปีนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 1 ฟัง หากจำเลยที่ 1 ก่อเหตุร้ายหรือกระทำผิดอาญาอีกมารดาหรือผู้ปกครองจำเลยที่ 1จะต้องชำระเงินต่อศาลครั้งละ 1,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยที่ 1 โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี ห้ามจำเลยที่ 1 เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิดกับให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยที่ 1เห็นสมควรมีกำหนด 30 ชั่วโมง และให้คืนธนบัตรล่อซื้อ 2,000 บาทแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7