คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7355/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์บรรยายใจความว่า ระหว่างที่จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยนำสินค้าไปขายและเก็บเงินจากลูกค้าของโจทก์แล้ว แต่ไม่นำส่งเงินให้แก่โจทก์ ตามคำฟ้องดังกล่าวนอกจากจะบรรยายฟ้องเสนอข้อหาว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างกระทำละเมิดต่อโจทก์ให้ได้รับความเสียหายแล้ว ยังถือว่าโจทก์เสนอข้อหาว่า จำเลยได้กระทำผิดสัญญาจ้างแรงงาน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายด้วย ซึ่งสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกรณีนี้มิได้มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ ดังนั้น ย่อมมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 หาได้มีอายุความ 1 ปีไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ได้มอบอำนาจให้นายจรัญ รัตนวรพัณธกุล ฟ้องดำเนินคดีแทนโจทก์ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานขายสินค้าของโจทก์ มีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท ระหว่างที่จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานขายสินค้าได้เก็บเงินจากลูกค้าแล้วไม่นำส่งให้โจทก์รวม 10 รายรวมเป็นเงิน 190,370 บาท โจทก์ได้ติดต่อทวงถามจำเลยทั้งสองแล้วจำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 190,370บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ชอบ จำเลยที่ 1ไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ หนังสือยืนยันการชำระหนี้ โจทก์ทำขึ้นเอง ไม่ใช่ลายมือชื่อของลูกค้า ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ผู้มอบอำนาจไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2 ต่อศาลแรงงาน ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ มิได้ค้ำประกันที่จำเลยที่ 1 ทำงานให้บุคคลภายนอก โจทก์มิได้เสียหายเนื่องจากการทำงานของจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลาง พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 54,792บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่17 ธันวาคม 2541) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนจนกว่าจะครบ

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “…ปัญหาต้องวินิจฉัยในประการต่อมาตามอุทธรณ์จำเลยที่ 2 มีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์บรรยายใจความว่า ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานของโจทก์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยนำสินค้าไปขายแก่ลูกค้าของโจทก์แล้วเก็บเงินสดจากลูกค้า แต่ไม่ได้นำส่งให้แก่โจทก์จำนวน 10 รายการ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น190,370 บาท ตามคำฟ้องดังกล่าวนอกจากโจทก์จะเสนอข้อหาต่อศาลว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ให้ได้รับความเสียหายแล้ว ยังถือว่าโจทก์เสนอข้อหาว่า จำเลยที่ 1ได้กระทำผิดสัญญาจ้างแรงงานทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายด้วยสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานที่โจทก์ผู้เป็นนายจ้างเรียกเอาจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างมิได้มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะย่อมมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 สิทธิเรียกร้องของโจทก์หาได้มีอายุความ 1 ปี ไม่ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความดังที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน…”

พิพากษายืน

Share