แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยรับว่าได้นำเช็คมาขายลดให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ จ. จำนวน 490,000 บาท และยอมรับว่าเป็นหนี้จริง กับตกลงยอมชำระหนี้โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ไม่น้อยกว่าเดือนละ 16,400 บาท จนกว่าจะชำระเงินจำนวน 490,000 บาท ครบถ้วนนั้น เป็นการที่โจทก์กับจำเลยระงับข้อพิพาทที่มีขึ้นตามมูลหนี้ขายลดเช็คให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้กันและกัน จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 การที่จำเลยผ่อนชำระเงินแก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ จ. จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2540 จึงไม่ใช่เป็นกรณีการชำระเงินเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆ ซึ่งจะมีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) แต่สิทธิเรียกร้องดังกล่าวตั้งฐานขึ้นโดยสัญญาประนีประนอมยอมความจึงมีอายุ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/32
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 320,444.97 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 178,400 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่คู่ความไม่โต้แย้งกันว่าเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2538 จำเลยนำเช็คมาขายลดแก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เจ้าพระยา จำกัด แล้วเป็นหนี้ค้างชำระจำนวน 490,000 บาท ต่อมาจำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวแก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เจ้าพระยา จำกัด จำเลยผ่อนชำระหนี้บางส่วนจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2540 จากนั้นไม่ชำระอีก มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 1 และ ข้อ 2 จำเลยยอมรับว่าได้นำเช็คมาขายลดแก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เจ้าพระยา จำกัด จำนวน 490,000 บาท และยอมรับว่าเป็นหนี้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เจ้าพระยา จำกัด จำนวนเงินดังกล่าวจริง กับยอมตกลงชำระหนี้โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ไม่น้อยกว่าเดือนละ 16,400 บาท จนกว่าจะชำระเงินจำนวน 490,000 บาท ครบถ้วนนั้น เป็นการที่โจทก์กับจำเลยทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทที่มีขึ้นตามมูลหนี้ขายลดเช็คให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 การที่จำเลยผ่อนชำระเงินแก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เจ้าพระยา จำกัด จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2540 จึงไม่ใช่เป็นกรณีการชำระเงินเพื่อผ่อนทุกคืนเป็นงวดๆ ซึ่งจะมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) แต่สิทธิเรียกร้องดังกล่าวตั้งฐานขึ้นโดยสัญญาประนีประนอมยอมความจึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/32 เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความได้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2538 และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2545 คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง คดีนี้โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความแล้ว จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่ยังมิได้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี และอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์เช่นนี้ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 (ก) เมื่อปรากฏว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลเกินมาจึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่โจทก์”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีในประเด็นอื่นที่ยังมิได้วินิจฉัย