คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2373/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยและ ส. มิได้เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายแต่จำเลยได้อุปการะเลี้ยงดู ส. เยี่ยงภรรยา ซึ่งผู้เสียหายก็รู้แต่ผู้เสียหายยังไปลักลอบหลับนอนร่วมประเวณีกับ ส. การที่จำเลยยิงผู้เสียหายในขณะดังกล่าว จึงเป็นการบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนสั้นขนาด .38 เครื่องหมายทะเบียน ตร.3/1709 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งเป็นของนายมาตสุขศรีเพ็ง ผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 4 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวไปตามถนนในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายทวีนานช้า ผู้เสียหายหลายนัดโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่มือซ้าย ไหล่ซ้ายและต้นแขนใกล้รักแร้ซ้าย จำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่อวัยวะไม่สำคัญเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 91, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คืนของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การต่อสู้อ้างเหตุบันดาลโทสะ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 72พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม, 8 ทวิวรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก 6 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 7 ปี 6 เดือน คำให้การในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี คืนของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่าตามวันเวลาและสถานที่ตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยได้ใช้อาวุธปืนสั้นยิงนายทวี นานช้า ผู้เสียหายหลายนัดจนผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ปัญหาตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าโดยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าการกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน ที่จะอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย สิทธินั้นต้องเป็นสิทธิอันบุคคลที่มีอยู่โดยกฎหมายรับรองและคุ้มครองให้ด้วย ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่านางสมนึกเป็นภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลยจำเลยฎีกาว่า จำเลยยิงผู้เสียหายเพราะได้ยินนางสมนึกร้องให้ช่วยเนื่องจากถูกปล้ำ แต่เมื่อพิจารณาคำเบิกความของนางสมนึกในชั้นพิจารณากลับได้ความว่า จำเลยหาว่านางสมนึกมีชู้จะยิงให้ตาย และตามคำให้การในชั้นสอบสวนของนางสมนึกตามเอกสารหมาย จ.11 ซึ่งนางสมนึกให้การในวันเกิดเหตุนั้นเองก็ได้ความว่าขณะนางสมนึกนอนอยู่กับผู้เสียหายในห้อง จำเลยเข้ามาในห้องและยิงผู้เสียหายไม่ได้ความว่านางสมนึกร้องให้ผู้ใดช่วยแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายต่อนางสมนึกที่จำเลยจะอ้างว่าป้องกันสิทธิโดยชอบดังที่จำเลยฎีกา จำเลยใช้อาวุธยิงผู้เสียหายถึง 3 นัดตามพฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่จากข้อเท็จจริงแห่งคดีแม้จำเลยและนางสมนึกจะมิได้เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย แต่จำเลยก็ได้อุปการะเลี้ยงดูนางสมนึกเยี่ยงภรรยาโดยได้เปิดร้านค้าและห้องพักที่เกิดเหตุให้นางสมนึกช่วยดูแลกิจการร้านค้าซึ่งผู้เสียหายก็เบิกความรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของจำเลยและนางสมนึกว่าเป็นคู่รักกัน แต่ผู้เสียหายก็ยังไปยุ่งเกี่ยวโดยลักลอบหลับนอนร่วมประเวณีกับนางสมนึก การที่จำเลยยิงผู้เสียหายในขณะดังกล่าวจึงเป็นการบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจำคุก 4 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองจำคุก 6 เดือน และปรับ 4,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 6 เดือน และปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 4 ปี 12 เดือน และปรับ 6,000 บาท คำให้การชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี6 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกแต่ละกระทงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยไว้โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อหนึ่งครั้งตลอดระยะเวลาที่รอการลงโทษไว้นั้น กับให้จำเลยละเว้นการประพฤติอันใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดเช่นเดียวกันนี้อีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share