แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกนั่งดื่มสุราอยู่ ผู้เสียหายเดินผ่านมาและพูดจาทำนองว่าเบื่อคนแก่ดื่มสุรา เมาแล้วให้กลับไปนอน อย่าส่งเสียงดัง จำเลยโมโหจึงใช้ท่อนเหล็กตีและใช้มีดแทงผู้เสียหาย การที่ผู้เสียหายพูดจาทำนองเสียดสีจำเลยนั้นแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง แต่ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 การกระทำผิดของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 288, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับว่าทำร้ายผู้เสียหาย แต่ปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำคุก 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเนื่องจากถูกผู้เสียหายพูดจาเสียดสีว่าจำเลยเสพสุรายาเมา ประพฤติตนเสเพลไม่เหมาะสม ถือได้ว่าจำเลยถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมนั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 บัญญัติว่า “ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้” ข้อเท็จจริงคดีนี้ฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกนั่งดื่มสุราอยู่ ผู้เสียหายซึ่งรับจ้างทาสีอยู่ข้างบ้านเกิดเหตุเดินผ่านมาและพูดจาทำนองว่าเบื่อคนแก่ดื่มสุรา เมาแล้วให้กลับไปนอนอย่าส่งเสียงดัง จำเลยโมโหจึงใช้ท่อนเหล็กตีและใช้มีดแทงผู้เสียหายเช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่าการที่ผู้เสียหายพูดจาทำนองเสียดสีจำเลยนั้นแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้างแต่ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 การกระทำผิดของจำเลย จึงมิใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ”
พิพากษายืน