คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้จำนองย้ายไปรับราชการต่างจังหวัด ทนายความของเจ้าหนี้ส่งหนังสือแจ้งการบังคับจำนองไปยังผู้จำนองตามภูมิลำเนาในกรุงเทพฯ มีผู้ลงชื่อรับแทน เวลามากรุงเทพฯ ทุกครั้งผู้จำนองพักที่ภูมิลำเนาเดิมซึ่งครอบครัวมิได้ย้ายไปที่อื่น ฟังได้ว่าผู้จำนองได้ทราบคำบอกกล่าวแล้ว แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจให้ทนายความทำหนังสือบอกกล่าว ผู้รับจำนองให้สัตยาบันตาม มาตรา 823 แล้ว การบอกกล่าวบังคับจำนองจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 150,000 บาทกับดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ขายทอดตลาดที่ดินชำระหนี้ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป150,000 บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โดยจำเลยได้จำนองที่ดินรวมสองโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องเป็นประกัน และชำระดอกเบี้ยให้บ้างก่อนฟ้องโจทก์ให้ทนายโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ และบอกกล่าวบังคับจำนองส่งไปยังจำเลยโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ

ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองจากโจทก์เลย และบุคคลที่ชื่อ สำราญ ซึ่งเป็นผู้ลงชื่อในใบตอบรับหนังสือเอกสาร จ.4ไม่ได้อยู่ในบ้านของจำเลย ดังปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้านจำเลย เอกสาร จ.2นั้น ได้พิเคราะห์ปัญหาข้อนี้แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่า การบอกกล่าวบังคับจำนองคดีนี้ ทนายโจทก์ได้ส่งคำบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังบ้านเลขที่ 188 ซอยเทวรักษ์ ถนนกรุงเทพ -นนทบุรี ตำบลบางซื่อ อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยปรากฏว่าบุคคลชื่อ สำราญเป็นผู้รับแทน เห็นว่าการส่งคำบอกกล่าวบังคับจำนองดังกล่าวแก่จำเลยเป็นการส่งตามทางการ ไม่มีเหตุผลอันใดที่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะนำหนังสือนั้นไปส่งให้แก่บุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในบ้านนั้น จึงฟังได้ว่าผู้ที่รับหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองอยู่ในบ้านจำเลย แม้ได้ความว่าขณะนั้นจำเลยย้ายไปรับราชการที่จังหวัดพิษณุโลก จำเลยก็เบิกความว่าเวลามากรุงเทพฯ ทุกครั้งพักที่บ้านดังกล่าว เพราะครอบครัวของจำเลยอยู่ที่บ้านนั้นตลอดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2515ไม่เคยย้ายไปอยู่ที่อื่นเลย จึงเชื่อว่าจำเลยได้รับทราบคำบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มอบอำนาจให้ทนายโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนอง โดยการมอบอำนาจไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือเป็นการไม่ชอบและโจทก์ไม่สามารถให้สัตยาบันในการกระทำของทนายโจทก์ได้นั้น เห็นว่าแม้จะได้ความว่า โจทก์ไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ทนายโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลย แต่เมื่อทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ และโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองที่ทนายโจทก์บอกกล่าวไปในนามของโจทก์ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823การบอกกล่าวบังคับจำนองจึงชอบแล้วเทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2427/2518 ระหว่าง นางจิบ แจงบำรุง โจทก์ นายฉลอง เปี่ยมญาติ จำเลย”

พิพากษายืน

Share