แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจโท อ. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรและเวรสอบสวนว่าสุนัขของม.กัดหลานของจำเลยอ. มิได้สั่งให้ตำรวจลงบันทึกแจ้งความตามที่จำเลยมาแจ้ง โดยอ้างว่าอาจเป็นสุนัขกลางตลาดก็ได้ จะไปสืบหาเจ้าของสุนัขเสียก่อน จำเลยยืนยันว่าเป็นสุนัขของ ม. แต่ อ. ไม่ยอมรับแจ้งความในทันที อ. และจำเลยจึงโต้เถียงกันในเรื่องไม่ลงบันทึกประจำวัน จำเลยได้กล่าวต่อ อ.ว่าทำอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมดังนี้มีความหมายว่าอ. ปฏิบัติหน้าที่ไม่ยุติธรรมซึ่งเป็นการดูถูกเหยียดหยามต่ออ.เป็นถ้อยคำดูหมิ่นอ. จำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 ไม่ใช่เป็นการต่อว่าที่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามคลองธรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งได้รับแจ้งความจากจำเลยว่าสุนัขของนางม่วย ชูปัญญากัดหลานชายของจำเลย ร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ จึงสั่งให้จ่าสิบตำรวจนิพนธ์โปร่งจิตต์ ลงบันทึกข้อความประจำวันและให้ไปสืบสวนว่าเป็นสุนัขของผู้ใดแน่อันเป็นการกระทำตามหน้าที่ จำเลยได้กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นร้อยตำรวจโทอุดมแก่นทรัพย์ว่า “ผู้หมวดอุดมทำอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรม ชอบกลั่นแกล้งขัดขวางไม่ให้ความยุติธรรม พยายามกลั่นแกล้งมาหลายครั้งแล้ว อยู่บ้านหมี่มาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้นไม่เคยเห็นผู้หมวดอย่างนี้มาก่อน ผู้หมวดคนนี้ ผู้กองหรือใคร ๆ ก็รู้ดีว่าชอบกลั่นแกล้งผู้มาแจ้งความ และไม่มีความยุติธรรม เอาละเมื่อไม่ยุติธรรมแบบนี้คงได้เห็นดีกัน” และจำเลยบังอาจส่งเสียงร้องด่าผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควรจนทำให้ประชาชนตกใจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 370
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 จำคุก 1 เดือน ปรับ 200 บาท ยกโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 55 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2517เวลา 16 นาฬิกาเศษ ร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรและเวรสอบสวนประจำถสานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านหมี่ จำเลยไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ ว่าสุนัขของนางม่วย ชูปัญญา กัดหลานของจำเลยเมื่อวันที่ 28 และ 29 กันยายน 2517 ร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ มิได้สั่งให้จ่าสิบตำรวจนิพนธ์ โปร่งจิตต์ ลงบันทึกแจ้งความตามที่จำเลยมาแจ้ง โดยอ้างว่าอาจเป็นสุนัขกลางตลาดก็ได้ จะไปสืบหาเจ้าของสุนัขเสียก่อน จำเลยยืนยันว่าเป็นสุนัขของนางม่วย ชูปัญญา แต่ร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ไม่ยอมรับแจ้งความในทันทีว่าสุนัขที่กัดหลานของจำเลยเป็นสุนัขของนางม่วย ชูปัญญาร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ และจำเลยได้โต้เถียงกันในเรื่องไม่ลงบันทึกประจำวันตามที่จำเลยแจ้ง จำเลยกล่าวต่อร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ว่าทำอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรม
คดีคงมีปัญหาว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนั้นเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ว่าทำอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมนั้นมีความหมายว่า ร้อยตำรวจโทอุดมแก่นทรัพย์ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ยุติธรรมซึ่งเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามต่อร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวเช่นนั้นจึงเป็นถ้อยคำดูหมิ่นร้อยตำรวจโทอุดมแก่นทรัพย์ จำเลยกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นในขณะที่ร้อยตำรวจโทอุดม แก่นทรัพย์ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรและเวรสอบสวนประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านหมี่ และเป็นผู้รับแจ้งความจากจำเลย อันเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ จำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ไม่ใช่เป็นการต่อว่าที่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามคลองธรรมดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน