คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2626/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสร้างสิ่งปลูกสร้างต่อจากเรือนจำเลยออกมาปิดกั้นทางเดินทางอันเป็นทางสาธารณะ เป็นเหตุให้โจทก์และราษฎรได้รับความเดือดร้อนใช้ทางเข้าออกไม่ได้ ย่อมเป็นละเมิดและถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษแล้ว จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นออกไปได้ และกรณีไม่ต้องด้วยประมาลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337
ทางสาธารณะประโยชน์ อันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินนั้น แม้จำเลยจะครอบครองมานานเท่าใด ก็หาได้สิทธิครอบครองเหนือที่ดินนั้นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีที่ดินว่าง ๑ แปลง ตั้งอยู่ในซอยหน้าด่านศุลกากรภูเก็ตเป็นที่ดินไม่มีเจ้าของ ที่ดินนี้เป็นทางกว้างประมาณ ๕ เมตร ยาวจากถนนภูเก็ตถึงสะพานไม้ประมาณ ๑๐๐ เมตร บรรพบุรุษของโจทก์และราษฎรได้ใช้เป็นทางเดินสาธารณะประโยชน์ไปมาโดยไม่มีผู้ใดหวงห้ามเป็นเวลา ๙๐ ปีแล้ว จำเลยได้ละเมิดโดยทำเพิง คอกหมู ทำราวผ้า โรยกระเบื้อง ปล่อยน้ำเน่าเสียให้ไหลมาสู่ทาง ทิ้งขยะ ปักหลักซีเมนต์ ปลูกต้นไม้ในเขตทาง เป็นการปิดกั้นทางมิให้โจทก์และราษฎรใช้ทางนี้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนนอกจากนี้จำเลยยังได้นำเจ้าหน้าที่ไปทำการรังวัดเพื่อขอออกโฉนดในที่ดินดังกล่าวอีก จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือทางภารจำยอม ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไป
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินของบิดาจำเลยครอบครองมาเมื่อบิดาจำเลยถึงแก่กรรมจำเลยก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมาด้วยสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา โจทก์หรือบุคคลได้ไม่เคยโต้แย้งขัดขวาง จำเลยปลูกสร้างบ้านอย่างถาวรลงในที่ดินนี้บางส่วนเป็นเวลา ๒๐ กว่าปีแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องทางพิพาทเป็นทางสาธารณะประโยชน์อันเป็นสมบัติของแผ่นดิน คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความพิพากษาให้จำเลยเปิดทางโดยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๗ จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่พิพาท เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายเป็นพิเศษนั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องมีใจความว่า โจทก์และราษฎรซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณใกล้สะพานไม้ไปทางทิศตะวันออกได้ใช้ทางสาธารณประโยชน์ภายในเส้นสีเขียวตามแผนที่ท้ายฟ้องเป็นทางเดินมาเป็นเวลา ๙๐ ปีแล้ว จำเลยปลูกเพิงต่อจากเรือนเก่าและอื่น ๆ ปิดกั้นทางเดินปรากฏภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง เป็นเหตุให้โจทก์และราษฎรได้รับความเดือดร้อนใช้ทางเข้าออกไม่ได้เช่นเคย ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่พิพาทได้ และตามที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ เป็นการละเมิดต่อโจทก์กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา ๑๓๓๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และฟังข้อเท็จจริงว่าซอยที่แยกจากถนนภูเก็ตซึ่งอยู่ตรงข้ามกับด่านศุลกากรทางด้านทิศตะวันออกชาวบ้านเรียกว่า ซอยหน้าด่าน และเป็นทางสาธารณะประโยชน์ที่โจทก์และราษฎรใช้เดินผ่านเข้าออกสู่ถนนภูเก็ต ดังนั้น แม้จำเลยจะครอบครองมานานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองเหนือที่ดินดังกล่าว และเมื่อการครอบครองของจำเลยเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ จำเลยก็ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและอื่น ๆ ออกไปจากที่พิพาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share