คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2522

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด ธนาคารค้ำประกันหนี้ค่าภาษีศุลกากรขาเข้าและภาษีการค้าของลูกหนี้ไว้ก่อน ถือว่ามูลหนี้เกิดขึ้นก่อนแล้ว แม้ลูกหนี้ยังไม่ถูกกรมศุลกากรเรียกให้ชำระหนี้ก็ตามธนาคารไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายใน 2 เดือน จึงหมดสิทธิขอรับชำระหนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดตามคำสั่งศาลชั้นต้นธนาคารขอรับชำระหนี้ภายในสองเดือนนับแต่โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ครั้งที่สองนี้ไม่ได้ การโฆษณาคำสั่งครั้งที่สองนี้สำหรับหนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแล้วเท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2514 วันที่ 30พฤศจิกายน 2514 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษา ลูกหนี้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 29มกราคม 2516 เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2518เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โฆษณา คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษาเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2518 ครั้นวันที่ 26 กันยายน 2518 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน ซึ่งเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระต่อกรมศุลกากรแทนลูกหนี้ เป็นเงินรวมทั้งดอกเบี้ย 101,836 บาท 99 สตางค์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีความเห็นว่า เมื่อเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งแรกสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นอันระงับ เห็นควรมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เสีย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้อุทธรณ์ว่าสิทธิยื่นขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาตามโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งหลัง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก้อุทธรณ์เอง จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้

เจาหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ขอแถลงการณ์ด้วยวาจา เห็นว่าไม่จำเป็นแก่คดี ให้งดเสีย

ได้พิจารณาแล้ว คดีมีปัญหาว่าเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาตามโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งหลังหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27,91 เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว เจ้าหนี้ที่อยู่ในราชอาณาจักรจะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดส่วนผู้ค้ำประกันก็ถือว่าเป็นเจ้าหนี้ อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยได้ในเวลาภายหน้า ถ้ามูลหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 95, 101 หนี้รายนี้เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ทำสัญญาค้ำประกันเงินอากรขาเข้าและภาษีการค้าของลูกหนี้ ซึ่งกรมศุลกากรได้เรียกเก็บเป็นเงิน 85,000 บาทไว้ต่อกรมศุลกากรเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2510 มูลหนี้ของเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2514 อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แม้เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งแรก เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้จะยังไม่ถูกเรียกร้องให้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ หรือยังไม่ทราบว่าลูกหนี้จะมีหนี้สินหรือไม่ ดังที่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ฎีกาขึ้นมาก็ตาม เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ก็มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับหนี้ที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ตามบทกฎหมายข้างต้น หาใช่ว่าจะต้องรอจนกว่าจะได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้เสียก่อนไม่ เมื่อเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งแรก ย่อมหมดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้การโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งหลัง เป็นเรื่องให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ที่มีมูลหนี้เกิดขึ้นในระยะหลังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแล้ว ขอรับชำระหนี้เท่านั้น เพราะในช่วงเวลานี้ลูกหนี้กลับมีอำนาจเข้าจัดการทรัพย์สินของตนได้อีก แต่หาได้รวมถึงเจ้าหนี้ที่มีมูลหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ครั้งแรกไม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการขยายเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ออกไปอีก ซึ่งไม่มีบทกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ ดังนั้นเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้จึงไม่มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาตามโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งหลัง ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้ยกคำร้องของเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ชอบแล้ว ฎีกาเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก้ฎีกาเอง จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้

Share