คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2903/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเดินล้ำเข้าไปในที่พิพาทก็ดีและใช้รถยนต์ผ่านเข้าไปในที่พิพาทก็ดี ก็โดยอาศัยความเป็นเพื่อนบ้านและความเกี่ยวพันเป็นญาติกันจึงเป็นการใช้โดยถือวิสาสะ ไม่ถือว่าเป็นการใช้โดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาให้ได้สิทธิภารจำยอม ที่พิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เชื่อตามที่จำเลยนำชี้ว่าบริเวณที่พิพาทเป็นร่องสวนมีตอยางอยู่ในระยะใกล้ชิดกันทั่วไปตามภาพ จ.5 ภาพที่ 1 และที่ 3 ประกอบกับปรากฏว่าโจทก์กับจำเลยนอกจากจะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วยังมีความเกี่ยวพันเป็นญาติกันด้วย รูปคดีจึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าการที่โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเดินล้ำเข้าไปในที่พิพาทก็ดี และการใช้รถยนต์ผ่านเข้าไปในที่พิพาทก็ดี เป็นการใช้โดยถือวิสาสะ ไม่ถือว่าเป็นการใช้โดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาให้ได้สิทธิภารจำยอม ที่พิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1401 ศาลฎีกาไม่เห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาให้ที่ดินของจำเลยตกเป็นภารจำยอมดังกล่าวข้างต้น ฎีกาจำเลยฟังขึ้น ส่วนฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาโดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาทแทนจำเลย”

Share