คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3854/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เอกสารท้ายฟ้องและคำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเสื่อมราคาของรถและค่าขาดประโยชน์ในการที่ไม่ได้ใช้รถไว้โดยแจ้งชัด รวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ซึ่งจำเลยสามารถเข้าใจได้ดี ฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสื่อมราคาของรถและค่าขาดประโยชน์ในการที่ไม่ได้ใช้รถจึงสมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง และปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ทั้งเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจวินิจฉัย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน 11,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องค่าเสื่อมราคาของรถและค่าขาดประโยชน์ในการที่ไม่ได้ใช้รถว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องไว้ คงมีแต่คำขอบังคับ ฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ไม่มีสภาพแห่งข้อหาและปราศจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลัก รับบังคับให้ไม่ได้ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินค่าอะไหล่และค่าซ่อมรถของโจทก์เป็นเงิน 7,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย คำขอนอกจากนี้ให้ยก โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ฯลฯ ตามเอกสารบอกกล่าวและใบตอบรับท้ายฟ้องหมาย 2,3 ตามลำดับ ซึ่งตามเอกสารบอกกล่าวหมาย 2 ท้ายฟ้อง นอกจากแจ้งว่าโจทก์เสียหายต้องเสียค่าซ่อมรถยนต์ 7,500 บาทแล้ว ยังแจ้งว่าโจทก์ยังเสียหายจากการไม่อาจใช้รถยนต์เพื่อติดต่อกิจธุระอีกวันละ 300 บาท นับแต่วันละเมิด และค่าเสื่อมราคา 3,000 บาท และให้จำเลยชำระค่าเสื่อมราคาและค่าเสียหายจากการไม่อาจใช้รถยนต์ดังกล่าวแก่โจทก์ด้วย กับระบุในคำขอท้ายคำฟ้องว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ คือ ค่าอะไหล่และค่าซ่อมรถ7,500 บาท เดิมรถโจทก์จะขายในราคา 30,000 บาท เมื่อถูกชนเสียหายทำให้เสื่อมราคา 5,000 บาท แต่โจทก์ขอคิดเพียง 3,000 บาท และโจทก์ไม่สามารถใช้รถในการติดต่อธุรกิจต้องเสียค่าพาหนะขอคิดวันละ 200 บาท เป็นเวลา 30 วัน คิดเป็นเงิน 6,000 บาท พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เอกสารท้ายฟ้องและคำขอท้ายคำฟ้องก็เป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง ทั้งเอกสารหมาย 2 ท้ายฟ้องและคำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเสื่อมราคาของรถและค่าขาดประโยชน์ในการที่ไม่ได้ใช้รถไว้โดยแจ้งชัด รวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ซึ่งจำเลยสามารถเข้าใจได้ดี ฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสื่อมราคาของรถและค่าขาดประโยชน์ในการที่ไม่ได้ใช้รถจึงสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง และปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ทั้งเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจวินิจฉัย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสื่อมราคาของรถ และค่าขาดประโยชน์ในการที่ไม่ได้ใช้รถให้โจทก์”

พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share