คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ช.มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนด ช. ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้ ล. สามี ช. ตาย ล. ทำบันทึกท้ายพินัยกรรมต่อเจ้าพนักงานที่ดินยกที่ดินให้จำเลย เจ้าพนักงานที่ดินแผนกโอนมรดกจดทะเบียนโอนที่ดินเป็นของจำเลยแล้ว ล. มิได้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ แม้มิได้จดทะเบียนการให้อีกต่างหาก การจดทะเบียนที่ดินให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์ ก็ไม่ทำให้การจดทะเบียนเสียไป

ย่อยาว

ช. ภริยาโจทก์ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้โจทก์ ช. ตาย โจทก์ทำบันทึกท้ายพินัยกรรมยกที่ดินให้จำเลย เจ้าพนักงานจดทะเบียนโอนที่ดินให้จำเลยแล้ว โจทก์ฟ้องขอให้จดทะเบียนที่ดินเป็นของโจทก์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “สำหรับปัญหาที่ว่าจำเลยที่ 1 รับโอนที่ดินพิพาทไปทั้งแปลง โดยโจทก์มิได้จดทะเบียนการยกให้เฉพาะส่วนของโจทก์เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เห็นว่าที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 บัญญัติให้การยกให้ซึ่งที่ดินต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหนี้ด้วยนั้น มุ่งหมายที่จะให้ที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีความสำคัญในความเป็นอยู่ของประชาชนมีหลักฐานทางทะเบียนซึ่งเป็นเอกสารมหาชน เพื่อบุคคลที่มาติดต่อเกี่ยวข้องด้วยมีโอกาสทราบได้ว่าที่ดินใดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด มีภารติดพันประการใดบ้างกรณีนี้โจทก์ได้แสดงเจตนายกที่ดินพิพาททั้งแปลงให้แก่จำเลยที่ 1 โดยทำเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังวินิจฉัยข้างต้น และต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินแผนกโอนมรดกซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ปรากฏเป็นหลักฐานทางทะเบียนเป็นการปฏิบัติตามเจตนาของโจทก์และความมุ่งหมายของกฎหมายแล้วถึงแม้จะได้จดทะเบียนการให้อีกต่างหากก็หาทำให้การจดทะเบียนที่ดินพิพาทเสียไปไม่ ทั้งโจทก์มิได้มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาทด้วย การจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย”

พิพากษายืน

Share