คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2948/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถโดยเช่าซื้อมาจากผู้อื่นเมื่อโจทก์นำสืบเชื่อได้ว่าโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน ทะเบียนรถโอนเป็นชื่อโจทก์แล้วรถย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าซ่อมตัวรถของโจทก์ที่เสียหายเพราะการละเมิดได้
แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแต่ชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นไว้ และจำเลยมิได้คัดค้าน จำเลยจะยกปัญหาเรื่องอายุความขึ้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 5 เป็นคดีอาญาฐานขับรถยนต์โดยประมาทผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 เป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแต่โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารปรับอากาศที่ได้รับความเสียหายไม่อยู่ในฐานะที่พนักงานอัยการจะฟ้องจำเลยที่ 5 แทนโจทก์คำพิพากษาทางอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ ศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลและเป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.พ – 0374 โดยเช่าซื้อมาจากบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์ส จำกัดจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ป.จ.00089ร่วมกันและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 5 จำเลยที่ 5 ทำประมาทเลินเล่อในหน้าที่ทางการที่จ้าง โดยจอดรถยนต์หมายเลขทะเบียน ป.จ.00089 ไว้ในถนนเพชรเกษมเวลากลางคืน ไม่ตามโคมไฟไว้เพื่อให้รถยนต์อื่นทราบว่ามีรถจอดอยู่เป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์หมายเลขทะเบียน ก.ท.พ – 0374แล่นมาชนได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้เงินจำนวน570,485 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.พ -0374 เพราะยังอยู่ในอายุสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าซ่อมรถ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ จำเลยทั้งสามไม่ใช่เจ้าของรถคันเกิดเหตุและมิใช่นายจ้างจำเลยที่ 5 เหตุละเมิดเป็นความผิดของคนขับรถของโจทก์

จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะตัว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง คดีไม่ขาดอายุความจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างทำหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1เหตุละเมิดเกิดขึ้นเพราะคนขับรถของโจทก์และจำเลยที่ 5 ต่างประมาทด้วยกันพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 5 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน313,954 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 235,508.25 บาท และดอกเบี้ยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากความผิดของจำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันละเมิดและฟ้องโจทก์ไม่ชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่าโจทก์รู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนวันใด แสดงว่ารู้ตั้งแต่วันละเมิดคดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 เห็นว่าเรื่องอายุความไม่ใช่สภาพแห่งข้อหาที่ต้องกล่าวมาในฟ้องว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใ คำให้การต่อสู้คดีที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความนั้น ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นไว้ และไม่มีการโต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จะยกปัญหาเรื่องอายุความขึ้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 5 เป็นคดีอาญาฐานขับรถยนต์บรรทุกซุงหมายเลขทะเบียน ป.จ.00089โดยประมาทผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 เป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดย่อมผูกพันโจทก์คดีนี้ ซึ่งศาลจะต้องรับฟังข้อเท็จจริงทางอาญาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด เห็นว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารปรับอากาศที่ได้รับความเสียหาย ไม่อยู่ในฐานะที่พนักงานอัยการจะฟ้องจำเลยที่ 5 แทนโจทก์ คำพิพากษาทางอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นได้

จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารปรับอากาศ จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายเกี่ยวกับตัวรถเห็นว่า ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถโดยเช่าซื้อมาจากผู้อื่นจำเลยให้การโต้เถียงเฉพาะขณะเกิดเหตุว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของรถเพราะอยู่ในระหว่างอายุของสัญญาเช่าซื้อ โจทก์นำสืบเชื่อได้ว่ารถคันนี้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน ทะเบียนรถโอนเป็นชื่อโจทก์แล้ว รถย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจเรียกค่าซ่อมตัวรถของโจทก์ที่เสียหายเพราะการละเมิดได้

พิพากษายืน

Share