คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1832/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยต้องการขนย้ายข้าวสารเหนียวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวจึงว่าจ้างรถบรรทุก 2 คันบรรทุกข้าวดังกล่าวคันละ 100 กระสอบ แล้วจำเลยขับรถของจำเลยนำหน้ารถบรรทุกทั้งสองคันไป การกระทำผิดของจำเลยเป็นการขนย้ายข้าวสารเหนียว 200 กระสอบออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวในครั้งเดียวกัน แม้จะบรรทุกไปในรถบรรทุก 2 คัน ๆ ละ 100 กระสอบ และคนขับรถบรรทุกสองคันนั้นจะได้สมคบกันหรือไม่ก็ตาม ต้องถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว มิใช่ว่าจะต้องแยกการกระทำของจำเลยไปตามจำนวนรถที่ขนย้ายข้าวหรือตามจำนวนคนขับรถซึ่งขับรถเหล่านั้น

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโดยโจทก์ฟ้องจำเลยนี้เป็น 2 คดีใจความว่า จำเลยนี้กับจำเลยในคดีอื่นได้ร่วมกันนำข้าวสารเหนียว 200 กระสอบ น้ำหนัก 20,000 กิโลกรัม ออกนอกเขตท้องที่หนึ่งเข้าไปในอีกท้องที่หนึ่งซึ่งเป็นเขตห้ามขนย้ายข้าวแต่ละเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489

จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้องวางโทษจำคุกคดีละ 1 ปี และปรับคดีละ 2,500 บาท รวมเป็นจำคุก2 ปี และปรับ 5,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 2,500 บาท

โจทก์และจำเลยฎีกาทั้งสองสำนวน

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงแห่งคดี 2 สำนวนได้ความว่าจำเลยต้องการขนย้ายข้าวสารเหนียวซึ่งบรรทุกมาถึงสถานีรถไฟเพื่อนำออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าว จึงจ้างรถบรรทุก 2 คันบรรทุกข้าวดังกล่าวคันละ 100 กระสอบ แล้วจำเลยขับรถของจำเลยนำหน้ารถบรรทุกทั้งสองคันไปจากท้องที่ซึ่งเป็นเขตห้ามขนย้ายข้าวเขตหนึ่ง เข้าไปยังท้องที่ซึ่งเป็นเขตห้ามขนย้ายข้าวอีกเขตหนึ่งโดยมิได้รับอนุญาต การกระทำผิดของจำเลยตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้เป็นการขนย้ายข้าวสารเหนียว 200 กระสอบออกนอกเขตในครั้งเดียวกัน แม้จะบรรทุกไปในรถบรรทุก 2 คัน ๆ ละ 100 กระสอบและคนขับรถบรรทุก 2 คันนั้นจะได้สมคบกันหรือไม่ก็ตาม ต้องถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว มิใช่ว่าจะต้องแยกการกระทำของจำเลยไปตามจำนวนรถที่ขนย้ายข้าวหรือตามจำนวนคนขับรถซึ่งขับรถเหล่านั้นดังที่โจทก์ฎีกา

พิพากษายืน

Share