คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำยึดที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยและผู้ร้องโดยไม่ต้องขอแบ่งส่วนของจำเลยออกก่อนได้ ผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึดชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้กันส่วนของผู้ร้องออกได้ แต่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นภรรยาจำเลยทรัพย์ที่ยึดไว้มิใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยและไม่ใช่สินสมรสของจำเลยและผู้ร้อง แต่เป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง ขอให้มีคำสั่งถอนการยึด

โจทก์ให้การว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสซึ่งโจทก์และจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ผู้ร้องไม่มีอำนาจขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสของผู้ร้องและจำเลย ผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไม่ได้ มีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยแต่งงานกับผู้ร้องเมื่อพ.ศ. 2472 จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสของจำเลยและผู้ร้องศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสซึ่งจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่กับผู้ร้องด้วย โจทก์จึงนำยึดเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ที่จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์โดยไม่ต้องขอแบ่งส่วนของจำเลยออกก่อนเมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์ที่ถูกยึด ก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้กันส่วนของผู้ร้องออกได้ แต่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดไม่ได้คำพิพากษาฎีกาที่ 619/2514 ระหว่างนายกาว แซ่ตัน โจทก์ นายมนูญ แซ่ตัน ที่ 1 นางนิตย์ แซ่ตัน ที่ 2 จำเลย นายไพรัช บุณยอุดมศาสตร์ ผู้ร้องขัดทรัพย์ ที่ผู้ร้องอ้างนั้น เป็นกรณีที่วินิจฉัยว่า ถ้าจำเลยซึ่งเป็นหญิงมีสามีทำสัญญาค้ำประกันผูกพันสินบริคณห์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี สัญญาค้ำประกันเป็นโมฆียะ ถ้าฟังได้ว่าผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจำเลยไม่รู้เห็นยินยอมอนุญาตและบอกล้างแล้ว สัญญาค้ำประกันเป็นโมฆะไม่ผูกพันสินบริคณห์ เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ไม่ได้ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงคดีนี้จึงนำมาปรับกับคดีนี้ไม่ได้

พิพากษายืน

Share