คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3098/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.อ. มาตรา 91 บัญญัติถึงการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน มิได้บัญญัติว่าการกระทำความผิดหลายกรรมนั้นจะเกิดขึ้นในวาระเดียวกันไม่ได้ การกระทำในวันเดียวกันหรือต่อเนื่องในคราวเดียวกันหรือต่อเนื่องในคราวเดียวกันก็อาจเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันได้ จำเลยปลอมใบระเบียนแสดงผลการเรียน 3 ฉบับ ของผู้เสียหายที่ 1 ที่ออกให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 แล้วลงลายมือชื่อผู้เสียหายที่ 3 ทับรูปถ่ายของจ่าสิบตำรวจ(หญิง) ธ. สิบตำรวจเอก(หญิง) อ. และสิบตำรวจโท ก. จากนั้นลงชื่อผู้เสียหายที่ 4 เพื่อแสดงว่า จ่าสิบตำรวจ(หญิง) ธ. สิบตำรวจเอก(หญิง) อ. และสิบตำรวจโท ก. จบการศึกษาจากสถาบัน ร. อันเป็นการออกใบระเบียนแสดงผลการเรียนให้แก่ผู้จบการศึกษาต่างรายกัน 3 ฉบับ โดยสภาพของการกระทำจำเลยต้องทำใบระเบียนแสดงผลการเรียนดังกล่าวทีละฉบับ ในทันทีที่จำเลยปลอมใบระเบียนแสดงผลการเรียนฉบับหนึ่งก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการสำเร็จแล้วกระทงหนึ่ง การปลอมใบเรียนแสดงผลการเรียนของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการหลายกรรมรวม 3 กระทง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2547 เวลาประมาณ 18 นาฬิกา ต่อเนื่องกันจนถึงเวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยปลอมใบระเบียนแสดงผลการเรียน (Transcript) ซึ่งเป็นเอกสารราชการของสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผู้เสียหายที่ 1 ที่ออกให้แก่นางสาวภาวิณี ผู้เสียหายที่ 2 โดยปลอม เลียนเครื่องหมายหรือตราสัญลักษณ์ของผู้เสียหายที่ 1 ให้มีขนาด ลักษณะ สี คล้ายตราสัญลักษณ์ของผู้เสียหายที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการของผู้เสียหายที่ 1 แล้วจำเลยได้ใช้ตราสัญลักษณ์ดังกล่าว เลขทะเบียนนักศึกษา ข้อมูลการลงทะเบียนเรียน และผลการเรียนแต่ละภาคการศึกษาของผู้เสียหายที่ 2 บันทึกลงในใบระเบียนแสดงผลการเรียนที่จำเลยทำขึ้น ให้มีขนาดคล้ายใบระเบียนแสดงผลการเรียนที่ผู้เสียหายที่ 1 ออกให้แก่ผุ้เสียหายที่ 2 ทั้งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 แล้วลงลายมือชื่อนางสาวอรุณี หัวหน้างานทะเบียนและประเมินผล สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผู้เสียหายที่ 3 ทับรูปถ่ายของจ่าสิบตำรวจ(หญิง) ธนพรรณ สิบตำรวจเอก(หญิง) อุไรวรรณ และสิบตำรวจโทกิตติพงษ์ พร้อมทั้งลงชื่อผู้เสียหายที่ 3 และ ดร.ประเทือง รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผู้เสียหายที่ 4 ในใบระเบียนดังกล่าว เพื่อให้จ่าสิบตำรวจ(หญิง) ธนพรรณ สิบตำรวจเอก(หญิง) อุไรวรรณ และสิบตำรวจโทกิตติพงษ์ และประชาชนทั่วไปหลงเชื่อว่าบระเบียนและข้อมูลแสดงผลการเรียนเป็นเอกสารที่แท้จริงของผู้เสียหายที่ 1 และแสดงว่า จ่าสิบตำรวจ(หญิง) ธนพรรณ สิบตำรวจเอก(หญิง) อุไรวรรณ และสิบตำรวจโทกิตติพงษ์ จบการศึกษาจากสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 4 ผู้อื่นหรือประชาชน ภายหลังจำเลยกระทำผิดดังกล่าวจำเลยได้ใช้และอ้างใบระเบียนแสดงผลการเรียนดังกล่าวแสดงต่อสิบตำรวจเอก(หญิง) อุไรวรรณ กับพวก เพื่อให้หลงเชื่อว่าใบระเบียนแสดงผลการเรียนดังกล่าว เครื่องหมาย หรือตราสัญลักษณ์ของผู้เสียหายที่ 1 ข้อมูลแสดงผลการเรียนของผู้เสียหายที่ 2 ลายมือชื่อผู้เสียหายที่ 3 ลายมือชื่อผู้เสียหายที่ 4 ที่ปรากฏอยู่เป็นเอกสารราชการที่ผู้เสียหายที่ 1 ออกให้แก่จ่าสิบตำรวจ(หญิง) ธนพรรณ สิบตำรวจเอก(หญิง) อุไรวรรณ และสิบตำรวจโทกิตติพงษ์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 4 ผู้อื่น หรือประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 265, 268 พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ.2538 มาตรา 60 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ.2538 มาตรา 60 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานปลอมเอกสารราชการ และฐานใช้ ปลอม เลียน ซึ่งเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของสถาบันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานปลอมเอกสารราชการซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 รวม 3 กระทง กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ให้ยกฟ้องข้อหาใช้หรืออ้างเอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า จำเลยต้องการปลอมเอกสารราชการให้เสร็จสิ้นไปในคราวเดียวกันโดยใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลเดียวกันแล้วพิมพ์ใบระเบียนแสดงผลการเรียนของบุคคลแต่ละคนออกมา อันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมีเจตนาเดียวที่ต้องการปลอมเอกสารทั้งสามฉบับในคราวเดียวกัน ทั้งคำฟ้องของโจทก์ก็ระบุวันกระทำความผิดเป็นวันเดียวกันเพียงแยกเป็นข้อว่าเมื่อกระทำผิดตามข้อหนึ่งแล้วก็กระทำผิดข้ออื่นติดต่อกันไปทันที อันเป็นการชี้ให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดในครั้งเดียวต่อเนื่องกันจึงเป็นกรรมเดียวกันนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 บัญญัติถึงการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน มิได้บัญญัติว่าการกระทำความผิดหลายกรรมนั้นจะต้องเกิดขึ้นในวาระเดียวกันไม่ได้ การกระทำในวันเดียวกันหรือต่อเนื่องในคราวเดียวกันก็อาจเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันได้ คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยปลอมใบระเบียนแสดงผลการเรียน 3 ฉบับ ของผู้เสียหายที่ 1 ที่ออกให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 แล้วลงลายมือชื่อผู้เสียหายที่ 3 ทับรูปถ่ายของจ่าสิบตำรวจ(หญิง) ธนพรรณ สิบตำรวจเอก(หญิง) อุไรวรรณ และสิบตำรวจโทกิตติพงษ์ จากนั้นลงชื่อผู้เสียหายที่ 4 เพื่อแสดงว่า จ่าสิบตำรวจ(หญิง) ธนพรรณ สิบตำรวจเอก(หญิง) อุไรวรรณ และสิบตำรวจโทกิตติพงษ์ จบการศึกษาจากสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาอันเป็นการออกใบระเบียนแสดงผลการเรียนให้แก่ผู้จบการศึกษาต่างรายกัน 3 ฉบับ โดยสภาพของการกระทำจำเลยต้องทำใบระเบียนแสดงผลการเรียนดังกล่าวทีละฉบับ ในทันทีที่จำเลยปลอมใบระเบียนแสดงผลการเรียนฉบับหนึ่งก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการสำเร็จแล้วกระทงหนึ่ง การปลอมใบระเบียนแสดงผลการเรียนของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการหลายกรรมรวม 3 กระทง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share