แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยหลอกลวงขอซื้อข้าวเปลือกจากโจทก์ร่วมโดยอ้างว่าตน มีเงินพอชำระค่าข้าวเปลือกได้ โจทก์ร่วมหลงเชื่อจึงมอบข้าวเปลือกที่ขายให้จำเลยไปในวันนั้น ต่อมาวันรุ่งขึ้นจำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คมอบให้โจทก์ร่วมชำระหนี้ค่าข้าวเปลือกดังกล่าว ดังนี้ จำเลยหลอกลวงจนได้ทรัพย์ของโจทก์ร่วมอันเป็นความผิดสำเร็จฐานฉ้อโกง ตาม ป.อ. มาตรา 341 แล้ว การที่จำเลยได้ออกเช็คมอบให้โจทก์ร่วมในวันต่อมาจึงเป็นการกระทำต่างหากจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงในตอนต้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ข้าวเปลือกไปจากผู้เสียหายด้วยการฉ้อโกงต่อมาจำเลยได้ออกเช็คโดยไม่มีเจตนาใช้เงินตามเช็คมอบให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 22,652 บาท แก่ผู้เสียหายจำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1072/2528,1073/2528, 1222/2528, 1224/2528, 1225/2528 และ 1468/2528ขอให้นับจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าว
นายไข ขาขม ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดังกล่าวของศาลชั้นต้นจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83, 91 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ฐานฉ้อโกงจำคุก 1 ปี ฐานผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพโดยดีเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 9 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 22,652 บาท แก่ผู้เสียหายและให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1072/2528, 1073/2528, 1222/2528, 1224/2528,1225/2528 และ 1468/2528 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่า ความผิดฐานฉ้อโกงและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยเป็น 2 กรรม จึงไม่ถูกต้องเห็นควรแก้ไข พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตามฟ้องซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพว่าจำเลยหลอกลวงและได้ไปซึ่งทรัพย์ตามที่หลอกลวงจากผู้เสียหายอันเป็นความผิดสำเร็จฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341แล้วอีกสองวันต่อมาจึงได้ออกเช็คมอบให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างหากจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงในตอนต้นฉะนั้น เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 เป็นอีกกรรมหนึ่งด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น”.