คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นข้าราชการตำแหน่งหัวหน้าธุรการของโรงพยาบาลและเป็นกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างตึก จำเลยทราบดีว่าการก่อสร้างผิดรายการตามแบบแปลนแต่เพิกเฉยเสีย แล้วทำบันทึกตรวจการจ้างรับรองเป็นหลักฐานว่า ผู้รับจ้างทำการก่อสร้างแล้วเสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาจ้างจนทางราชการได้อนุมัติจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปครบถ้วนซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162(1) นั้น การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดต่อเนื่องกัน จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามกฎหมายที่เป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 91

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 ให้จำคุก 2 ปี และผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1) ให้จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นข้าราชการประจำตำแหน่งหัวหน้าธุรการของโรงพยาบาลอุทัยธานีและเป็นกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างตึกของโรงพยาบาลดังกล่าวมีหน้าที่ตรวจการจ้าง และร่วมลงชื่อกับกรรมการอื่นในบันทึกการตรวจการจ้าง จำเลยทราบดีว่าการก่อสร้างงวดที่ 6 ผิดรายการโดยมิได้สร้างดังแบบแปลนรายละเอียดและสัญญาจ้าง และเพิกเฉยเสีย แล้วทำบันทึกตรวจการจ้างรับรองเป็นหลักฐานว่าผู้รับจ้างทำการก่อสร้างแล้วเสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาจ้าง จนทางราชการได้อนุมัติจ่ายค่าจ้างงวดที่ 6 ให้ผู้รับจ้างไปครบถ้วนแล้วตามสัญญาจ้าง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162(1) แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดต่อเนื่องกัน เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบยอมให้ผู้รับจ้างทำการก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนและรายการตามสัญญาจ้าง แล้วทำบันทึกตรวจการจ้างรับมอบงานอันเป็นเท็จเพื่อเป็นหลักฐานในการเบิกเงินค่าจ้าง อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ โดยมีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้ตนเอง และผู้อื่นนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามกฎหมายที่เป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 162(1) แต่ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อันเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปี

Share