คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารตึกแถว ที่อยู่ติดกับที่ดินและอาคารตึกแถวของโจทก์ น. เป็นผู้ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ปลูกสร้างอาคารตึกแถวเพิ่มเติมในที่ดินของจำเลยโดยการยินยอมของจำเลย ไม่ปรากฏว่า น. มีสิทธิในที่ดินของจำเลยที่จะใช้สิทธิปลูกสร้างอาคารตึกแถวดังกล่าวได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 109 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะเป็นเรื่องที่ น. ทำการแทนจำเลย อาคารตึกแถวที่ น. ปลูกในที่ดินของจำเลยย่อมตกเป็นส่วนควบของที่ดินของจำเลย จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารตึกแถว ต้องรับผิดในกรณีตึกแถวที่ปลูกสร้างรุกล้ำที่ดินของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลย
เมื่อศาลได้วินิจฉัยคดีตามคำท้าโดยอาศัยหลักกฎหมายในเรื่องส่วนควบซึ่งปรากฏจากเอกสารที่คู่ความส่งอ้างแล้วย่อมไม่เป็นการวินิจฉัยคดีนอกคำท้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน 3 โฉนดพร้อมอาคารตึกแถวสามชั้น 3 คูหา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และครอบครองที่ดิน 2 โฉนดพร้อมอาคารตึกแถวซึ่งมีอาคารเขตทิศตะวันออกติดต่อกับเขตที่ดินของโจทก์ โจทก์และจำเลยต่างได้รับอนุญาตให้ทำการปลูกสร้างอาคารในที่ดินดังกล่าวอาคารของจำเลยชั้นที่ 4-5 ได้รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ทำให้โจทก์ไม่สามารถปลูกสร้างอาคารต่อไปถึง 5 ชั้นได้ ต้องหยุดก่อสร้าง 30 วัน เสียค่าใช้จ่ายวันละ 1,340 บาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำออกไปและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า อาคารตึกแถวที่ก่อสร้างในที่ดินของจำเลยเป็นของนางนุชนาถอาคารที่ก่อสร้างไม่ได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องค่าเสียหายไม่ถึงวันละ 1,340 บาท

ระหว่างสืบพยานโจทก์ คู่ความตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ โดยอาศัยเอกสารต่าง ๆ ที่คู่ความอ้างส่งศาลและต่างไม่ติดใจสืบพยานบุคคล

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำและใช้ค่าเสียหายตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย และศาลวินิจฉัยนอกคำท้าไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 8985, 8986 และ 8987 รวมตลอดตึกแถว 3 คูหา ในที่ดินทั้งสามแปลงดังกล่าว โจทก์ได้ให้นายโปบิดาโจทก์เป็นผู้ขออนุญาตก่อสร้างตึกแถวเพิ่มเติมตามฟ้อง จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 8988 และ8989 รวมทั้งอาคาร 2 คูหาในที่ดินดังกล่าว จำเลยไม่ได้เป็นผู้ปลูกสร้างอาคารตึกแถวเพิ่มเติมลงในที่ดินของจำเลย แต่นางนุชนาถเป็นผู้ขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารตึกแถวเพิ่มเติมลงในที่ดินของจำเลยโดยการยินยอมของจำเลย แล้ววินิจฉัยว่า ตามเอกสารเรื่องราวที่นางนุชนาถขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารตึกแถวเพิ่มเติมนั้น ไม่ปรากฏว่านางนุชนาถมีสิทธิในที่ดินของจำเลยที่จะใช้สิทธิปลูกสร้างอาคารตึกแถวลงในที่ดินของจำเลยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 แต่ประการใด ลักษณะเป็นเรื่องที่นางนุชนาถทำการแทนจำเลย อาคารตึกแถวที่นางนุชนาถปลูกในที่ดินของจำเลยย่อมตกเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย จำเลยจึงเป็นเจ้าของอาคารตึกแถวที่นางนุชนาถปลูกสร้างขึ้นนั้น จำเลยต้องรับผิดในกรณีที่ตึกแถวที่ปลูกสร้างรุกล้ำที่โจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย และเนื่องจากคู่ความได้ตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่เท่านั้น โดยคู่ความไม่สืบพยานบุคคลและขอให้ศาลวินิจฉัยคดีโดยอาศัยเอกสารต่าง ๆ ที่คู่ความส่งต่อศาล เมื่อศาลได้วินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ตามคำท้า โดยอาศัยหลักกฎหมายในเรื่องส่วนควบซึ่งปรากฏจากหลักฐานเอกสารที่คู่ความส่งอ้างแล้ว จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกคำท้า

พิพากษายืน

Share