คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 429/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อกาวลาเท็กซ์ไปจากโจทก์แล้วเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องอีกว่า จำเลยนำเช็คซึ่งผู้มีชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันรับรองเช็คมาชำระหนี้ให้โจทก์ แต่เช็คฉบับนี้นำไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยรับเช็คนั้นคืนไปแล้วเพิกเฉย นั้น เป็นการบรรยายรายละเอียดว่า หนี้ค่ากาวลาเท็กซ์รายนี้จำเลยเคยชำระด้วยเช็คและนำไปขึ้นเงินไม่ได้เท่านั้น มิใช่เป็นฟ้องขอให้ชำระหนี้ตามเช็คฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อกาวลาเท็กซ์ไปจากโจทก์ และนำเช็คจำนวนเงิน ๑๘,๑๐๐ บาทซึ่งผู้มีชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันรับรองเช็คมาชำระหนี้ให้โจทก์แต่เช็คฉบับนั้นนำไปขึ้นเงินไม่ได้โดยถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยรับเช็คฉบับดังกล่าวคืนไปแล้วเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ ขอศาลบังคับจำเลยชำระหนี้ ๑๘,๑๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่ได้ซื้อกาวลาเท็กซ์จากโจทก์ จำเลยไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ในฐานะผู้ซื้อกาวหรือผู้ค้ำประกันรับรองเช็คจำเลยไม่ได้สลักหลังหรือรับรองเช็ค จำเลยไม่รับรองฐานะการเป็นนิติบุคคลของโจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์เป็นนิติบุคคลมีอำนาจฟ้อง จำเลยซื้อกาวลาเท็กซ์จากโจทก์แล้วยังไม่ได้ชำระราคา พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๑๘,๑๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยโดยคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยจำนวน ๑๐๐ บาทด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยซื้อกาวลาเท็กซ์จากโจทก์เป็นเงิน ๑๘,๐๐๐ บาท จำเลยชำระราคาด้วยเช็ค เมื่อถึงกำหนดเวลาตามเช็คธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ให้ผู้มีชื่อนำเช็คนั้นไปขอรับเงินสดจากจำเลย แต่จำเลยให้เช็คใหม่อีกฉบับหนึ่งสั่งจ่ายเงิน ๑๘,๑๐๐ บาท ส่วนที่เกินราคาสินค้าไป ๑๐๐ บาท จำเลยให้เป็นดอกเบี้ย ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้เงินจำนวน ๑๘,๑๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยเป็นการคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย ๑๐๐ บาท ในระหว่างผิดนัดต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ วรรคสอง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินโจทก์จำนวน ๑๘,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันผิดนัดถึงวันชำระเสร็จ
จำเลยฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องข้อ ๒ เข้าใจได้ชัดว่าจำเลยได้ซื้อกาวลาเท็กซ์ไปจากโจทก์แล้วเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ ส่วนที่โจทก์บรรยายอีกว่าจำเลยนำเช็คของสหธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด โดยนายบักเชียงเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันรับรองเช็คลงวันที่ ๑ มิถุนายน๒๕๑๘ จำนวนเงิน ๑๘,๑๐๐ บาท ชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเช็คฉบับดังกล่าวถึงกำหนดโจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้จึงแจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยรับเช็คนั้นคืนไปแล้วเพิกเฉยมาจนบัดนี้เป็นเพียงบรรยายรายละเอียดให้ทราบว่า หนี้ค่ากาวลาเท็กซ์รายนี้ จำเลยเคยชำระด้วยเช็คซึ่งต่อมาได้นำไปขึ้นเงินไม่ได้เท่านั้น นอกจากนี้โจทก์ก็ไม่ได้ส่งต้นฉบับหรือสำเนาเช็คประกอบฟ้องแต่อย่างใด ทั้งในช่องข้อหาหรือฐานความผิดของฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนของคำฟ้องก็ได้ระบุว่า “ไม่ชำระหนี้ซื้อขาย” ไว้อีกด้วย จำเลยไม่น่าจะเข้าใจไขว้เขวเป็นฟ้องที่ขอให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คนั้นไปได้ ดังนี้คำฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ ไม่เคลือบคลุมดังจำเลยฎีกา
พิพากษายืน

Share