แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คและโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดย จ. ได้สลักหลังแล้วมอบให้โจทก์ โจทก์นำเช็คนี้เข้าบัญชี แต่ธนาคารคืนเช็คมายังโจทก์ เพราะจำเลยได้สั่งอายัดไว้ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริงโดยเตรียมไว้สำหรับชำระหนี้ให้แก่ผู้อื่น แต่ จ. ได้ลักเช็คดังกล่าวไปเสียก่อน จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีนิติสัมพันธ์อันใดกับจำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องประการใดจากจำเลย ดังนี้ เมื่อจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทนั้นมาโดยคบคิดกับ จ. เพื่อฉ้อฉลจำเลยก็ต้องถือว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยสุจริต การที่ จ. แต่ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริตจึงไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะยกขึ้นใช้ยันกับโจทก์ผู้ทรงได้ตาม มาตรา 905 และมาตรา 916 ฉะนั้น จำเลยจึงหามีสิทธิที่จะนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยดังที่ปรากฏในคำให้การไม่ เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือโจทก์เป็นผู้ถือจึงนับได้ว่าเป็นผู้ทรง เมื่อโจทก์นำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2514)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คเงินสด 1 ฉบับ จำนวน 2,000 บาท และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวนี้โดยนายจิว (ไม่ทราบนามสกุล)ได้สลักหลังเช็คแล้วนำเช็คฉบับนี้มาแลกเงินสดของโจทก์ไปและมอบเช็คให้ไว้กับโจทก์ ครั้นถึงกำหนดวันสั่งจ่าย โจทก์จึงนำเช็คดังกล่าวเข้าบัญชี แต่ธนาคารคืนเช็คมายังโจทก์ โดยหมายเหตุในช่องใบคืนเช็คว่า ผู้สั่งจ่ายได้อายัดเช็คไว้ โจทก์ได้ติดต่อทวงถาม แต่จำเลยก็ผัดผ่อนเรื่อยมา จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริง โดยเตรียมไว้สำหรับจะชำระค่าตึกแถวและที่ดินให้ผู้อื่น แต่นายจิว แซ่จิว ลักเช็คดังกล่าวไป จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีไว้แล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีนิติสัมพันธ์อันใดกับจำเลย จึงหามีสิทธิเรียกร้องประการใดจากจำเลยไม่ โจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต เพราะเมื่อโจทก์มาติดต่อกับจำเลยเนื่องจากธนาคารคืนเช็คให้โจทก์นั้น จำเลยก็ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าเช็คฉบับดังกล่าวถูกลักไป ทั้งไม่เคยขอผัดผ่อนชำระเงินกับโจทก์ แต่โจทก์กลับนำคดีมาฟ้อง เป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นให้จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า จำเลยนี้ไม่ได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คนั้นมาโดยคบคิดกับนายจิวหรือผู้หนึ่งผู้ใดเพื่อฉ้อฉลจำเลย จำเลยคงอ้างแต่เพียงว่า นายจิวเป็นคนลักเช็คมา ดังนั้นในเบื้องต้น จึงจำต้องถือว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยสุจริต การที่นายจิวฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริตลักเช็คไปโอนให้โจทก์ จึงไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะยกขึ้นใช้ยันกับโจทก์ได้ตามมาตรา 905 และ มาตรา 916 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นจำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลย เช็ครายพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้ถือจึงนับได้ว่าเป็นผู้ทรงเมื่อโจทก์นำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914
ที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น